Q: การศรัทธาในบางสิ่งแล้วบนบานได้ผล เป็นเพราะเหตุใด
A: ผลของการอ้อนวอนขอร้อง บางครั้งอาจเกิดจากเทพบันดาล บางครั้งอาจเกิดจากผลกรรมที่ทำมา ซึ่งเป็นไปได้ทั้ง 2 อย่าง ทั้งนี้ เมื่อเราได้ยินได้ฟังอะไรมา ให้นำมาพิจารณาใคร่ครวญ ว่าสอดคล้องลงรับกับมรรค 8 หรือไม่ ให้เราตั้งปณิธานในการทำความดี ด้วยความดีของเรา แทนที่จะบนบานอ้อนวอนขอร้อง ก็ให้ “ตั้งจิตอธิฐาน” ให้เหมาะสม อธิฐานไม่ใช่ขอ แต่ “การอธิฐาน” หมายถึง การตั้งใจมั่นอย่างแรงกล้า ในการที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แล้วให้บุญกุศลที่เราทำมาออกผล ในจุดที่เราอยากให้สำเร็จ อธิฐานอย่างนี้แล้วตั้งอยู่ในธรรม

Q: ศรัทธาที่ไม่เชื่อแม้พระศาสดาเช่นท่านพระสารีบุตร เป็นเช่นไร
A: ศรัทธาที่เกิดจากการปฎิบัติจนเป็นผลแล้ว รู้เองเห็นเองแล้ว จึงไม่เชื่อตามบุคคลอื่น ในคำสอนของศาสดาตน

Q: รู้อะไรเห็นอะไรถึงจะเรียกว่า “สันทิฏฐิโก”
A: เห็นประจักษ์ในสิ่งที่เราได้รับผล รู้ว่าสิ่งไหนเป็นกุศล สิ่งไหนเป็นอกุศล ไม่ต้องให้ใครมาบอกมาเตือน ถ้าทำไม่ดี ก็ได้ผลไม่ดี รู้ได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องให้ใครมาบอก ไม่ต้องเชื่อตามผู้อื่น ในคำสอนของศาสดาตน

Q: อาจิณณกรรม กับ จิตสุดท้าย อะไรที่สำคัญกว่ากัน
A: “อาจินณณกรรม” คือ กรรมที่ทำเป็นประจำเป็นอาจิณ ส่วน “จิตสุดท้าย” คือ จิตตอนที่จะตาย ถ้าจิตสุดท้ายดีก็ไปสุขคติ ถ้าไม่ดีก็จะไปทุคคติ เพราะฉะนั้น ถ้าเราทำกรรมดีเป็นอาจิณ จิตสุดท้ายก็มีแนวโน้มจะไปในทางดีได้ ถ้าเราทำอาจิณกรรมในทางไม่ดี ก็จะไปทางไม่ดีได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น จะมี“กรรมตัดรอน” คือ ลดผลของอาจิณกรรมนั้น และ “กรรมหนุนนำ” คือ เสริมผลของอาจิณกรรมนั้น ให้เราเป็นผู้ไม่ประมาท ปฏิบัติตามมรรค 8 จะเป็นไปเพื่อการสิ้นกรรมได้


Tstamp

[02:00] การศรัทธาในบางสิ่งแล้วบนบานได้ผล เป็นเพราะเหตุใด?
[15:40] ศรัทธาที่ไม่เชื่อแม้พระศาสดาเช่นท่านพระสารีบุตร เป็นเช่นไร?
[19:40] รู้อะไรเห็นอะไรถึงจะเรียกว่า “สันทิฏฐิโก”
[30:05] “อาจิณณกรรม” กับ “จิตสุดท้าย” อะไรที่สำคัญกว่ากัน