Q1: AI สอนธรรมะ
A: รูปแบบการส่งต่อคำสอนของพระพุทธเจ้า เริ่มจากจดจำธรรมะที่ได้ฟัง แล้วนำมาบอกต่อปากต่อปาก ต่อมา ได้บันทึกเป็นตัวหนังสือ (Text) ลงในใบลานหรือกระดาษ เมื่อมีเทคโนโลยี ก็ได้นำข้อมูล Text เข้าสู่ระบบอินเตอร์เนต จนปัจจุบันได้ให้ AI ประมวลผล แล้วพูดออกมา
– จุดสำคัญ คือ คำสอนที่เป็น Text นั้น ต้องถูกต้อง เป็นสวากขาตธรรม (ธัมโม) เพื่อไม่ให้เกิดการส่งต่อข้อมูลที่ผิด ส่วนสื่อที่ใช้ในการรับข้อมูลจะเป็นรูปแบบใดก็ได้
– การกำหนดบทพยัญชนะในคำสอนของพระพุทธเจ้า จึงเป็นเรื่องสำคัญ จึงมีการตรวจสอบอยู่เสมอในทุกยุคทุกสมัย ในปัจจุบัน การเรียนการสอนของคณะสงฆ์ จะเน้นเรื่องการทรงไว้เพื่อการรักษาคำสอนของพระพุทธเจ้า โดยศึกษาพระธรรม ทุกอักขระ ทุกบทพยัญชนะ ทุกคำ เช่น การเรียนภาษาบาลี
– ข้อมูลจาก AI มีภาวะ AI hallucination ยังให้ข้อมูลไม่ถูกต้อง จึงยังเชื่อไม่ได้ซะทีเดียว
– วิธีตรวจสอบความถูกต้องของธรรมะ
1. ต้อง “ปฏิบัติ”
(1) ถ้าราคะ โทสะ โมหะ ลดลง = ธรรมะถูกต้อง
(2) ถ้าข้อมูลถูก แต่ปฏิบัติยังไม่ถึง = ไม่บรรลุธรรม
(3) ถ้าข้อมูลผิด = ไม่บรรลุธรรม
2. เปรียบเทียบคำสอนจากแหล่งข้อมูลอื่น เช่น ใบลาน ตำรา คัมภีร์หนังสือ
– โดยสรุป : ต้องมีการตรวจสอบความถูกต้องของคำสอนของพระพุทธเจ้าอยู่เสมอ เช่น ใบลาน ตำรา คัมภีร์ หนังสือ เว็บไซต์ ข้อมูลจาก AI และหากปฏิบัติตามข้อมูลนั้นแล้ว ราคะ โทสะ โมหะ ลดลง นั่นเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับคำสอนของพระพุทธเจ้า
Q2: AI Buddha Bot
A: มหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น สร้าง AI Bhudda Bot ให้คุยกับพระพุทธเจ้าได้ตลอดเวลา โดยนำข้อมูลมาจากคำสอนของพระพุทธเจ้าที่บันทึกไว้
- ความจำเป็นของสถานที่ (วัด) ก็จะลดลง เปลี่ยนรูปแบบเป็นออนไลน์ ทั้งการสอน การนั่งสมาธิ การสวดมนต์
- เป็นการเปลี่ยนแปลงใน “รูปแบบ/สื่อการสอนธรรมะ” ส่วน “ธรรมะคำสอน” ไม่ได้เปลี่ยนแปลง
Q3: วิธีบริหารทรัพย์สิน
A: 1. เป็นทรัพย์สินที่ได้มาโดยถูกต้อง
- แบ่งจ่ายทรัพย์ให้ถูกต้อง 4 หน้าที่
 (1) ใช้ในครัวเรือน ใช้ส่วนตัว
 (2) เก็บไว้ใช้ในยามฝนตก, ลงทุน
 (3) ให้เพื่อสงเคราะห์ผู้อื่น
 (4) ให้เพื่อหวังเอาบุญ
Q4: Work-Life Integration
A: “ธรรมะ” ต้องอยู่ในชีวิตประจำวัน ทั้งในชีวิตส่วนตัวและการทำงานต้องสัมพันธ์กัน หลักธรรมจะประสานให้ไปด้วยกันได้ทั้งหมดโดยไม่มีการแบ่งแยก
Q5: การถูกต่อว่านินทา
A: การถูกนินทา เป็น 1 ในโลกธรรม 8 เป็นเรื่องธรรมดาของโลก แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ถูกนินทา
- ให้มองเห็นด้วย “ปัญญา” ของผู้ที่เป็นบัณทิต
 (1) มองเป็นธาตุ = เป็นเพียงลม เป็นแรงสั่นสะเทือนออกมาเสียง ไม่ได้มีความหมายใด ๆ
 (2) มองเป็นของไม่เที่ยง = เดี๋ยวก็ด่า เดี๋ยวก็ชม
 (3) มองว่าผู้ด่า คือ ผู้ชี้ขุมทรัพย์ = ให้เราพัฒนาแก้ไขข้อบกพร่องให้ดีขึ้น
Q6: ทำวิปัสสนา ระหว่างทำงาน
A: สามารถทำได้ เป็น Work-Life Integration เพราะจิตเรามีดวงเดียว ธรรมะอยู่ที่จิต
- ต้องตั้งทัศนคติเอาไว้ให้ถูก โดยให้มีธรรมะทั้งที่บ้านและที่ทำงาน ไม่แยกกัน
- การรักษาอินทรีย์ 5 (ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา) ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้านหรือที่วัด ย่อมดี
Q7: ความรู้สึกผิดในอดีต
A: พระพุทธเจ้าสอนว่า “อย่าเป็นผู้ที่ต้องร้อนใจในภายหลังเลย”
- สิ่งที่ทำผิดไปแล้ว มันล่วงไปแล้ว ย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงการไม่ทำผิดซ้ำอีก นี่จะเป็นการให้อภัยตัวเองอย่างแท้จริง เป็นการปลดเปลื้องภาระทางใจ
- ควรรู้สึกผิดตั้งแต่ตอนที่ทำไม่ดีนั้น
- แต่ถ้ามารู้สึกผิดทีหลัง ก็ยังดี เป็นการรู้สึกตัว ให้ตั้งใจว่าจะไม่ทำผิดอีก ก็จะหยุดความร้อนใจในภายหลังไว้เพียงเท่านี้
Tstamp
 [00:50]  AI สอนธรรมะ
 [13:15]  AI Buddha Bot
 [18:30]  วิธีบริหารทรัพย์สิน
 [30:30]  Work-Life Integration
 [35:10]  การถูกต่อว่านินทา
 [41:40]  ทำวิปัสสนาระหว่างทำงาน
 [50:35]  ความรู้สึกผิดในอดีต