– สติจำปรารถนาในที่ทั้งปวง หมายถึงสติต้องมีในทุกที่ ทุกเวลา

– สติมี 2 ประเภทคือ 

  1. สัมมาสติ กิเลสลด กุศลเพิ่ม
  2. มิจฉาสติ กิเลสเพิ่ม อกุศลเพิ่ม

การมีสติต้องมีทุกที่ทุกเวลาโดยเริ่มจากความเพียร การสังเกต รู้ตัวว่าจิตเรากำลังมีความฟุ้งซ่าน หรือ หดหู่ และเลือกใช้ธรรมะให้เหมาะสม สติจึงจำเป็นตลอดเวลา เพราะต้องปรับจิตให้เกิดสมดุล สติต้องรักษาอยู่ตลอด เปลี่ยนมิจฉาสติให้เป็นสัมมาสติ เกิดสมาธิ อุเบกขา ปีติ วิริยะ ธัมมวิจยะ เกิดปัญญา 

-สติ คือสติปัฏฐานสี่ ต้องมีตลอดเวลา

-แตกต่างจากโพชฌงค์ ที่ต้องใช้ให้เหมาะสม ไม่ใช้ตลอดเวลา โดยแบ่งออกเป็น2กลุ่ม คือ

กลุ่มที่ 1 : ใช้ขณะที่จิตกำลังหดหู่ ซึมเศร้า ไม่ใช้ในขณะที่จิตที่ไม่สงบ จิตฟุ้งซ่าน เพราะยิ่งใส่ลม ใส่ฟืน ไฟก็จะยิ่งโหม ยิ่งฟุ้งซ่าน

1.1 ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ คือการไตร่ตรองใคร่ครวญธรรมะ คิดตริตรึก ภายในและภายนอก

1.2 วิริยสัมโพชฌงค์ คือ การเร่งความเพียรทางกายและทางจิต การถูกกระตุ้น

1.3 ปีติสัมโพชฌงค์ คือ คนอิ่มเอิบใจ ความร่าเริงบันเทิงใจ ปิติมีสองแบบอามิสและนิรามิส 

กลุ่มที่ 2 : ใช้ขณะจิตที่กำลังฟุ้งซ่าน ไม่ใช้ใน จิตที่หดหู่ไม่แช่มชื่น ซึมเศร้า จิตก็จะยิ่งแย่ เหมือนการโรยขี้เถ้าชุ่มน้ำลงไป ใส่ฟืนเปียก หญ้าเปียกลงไป ในไฟกองน้อยๆ 

2.1 ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ ความสงบระงับจากในภายใน ไม่ต้องมีวิตก วิจารณ์ 

             -ความสงบระงับทางกาย

             -ความสงบระงับทางจิต

2.2 สมาธิสัมโพชฌงค์ ความที่จิตเป็นหนึ่ง เป็นอารมณ์อันเดียว ในภายใน 

             -มีวิตก วิจารณ์ คือแบบไม่มีอกุศล

             -ไม่มีวิตก วิจารณ์ ว่างๆ 

2.3 อุเบกขาสัมโพชฌงค์ สงบจนจิตตั้งมั่นเป็นอย่างดีจนจิตวางเฉยได้ แม้มีสิ่งมากระทบ ความมีใจเป็นกลาง เพราะเห็นตามเป็นจริง

             -วางเฉยจากภายนอก 

             -วางเฉยจากในภายใน


Timestamp
[01:34] สติมีสองฝั่ง สัมมา/มิจฉา ดูที่ความเพลินกิเลสลด/เพิ่ม
[09:41] ปรับให้สมดุลตามแนวโพชฌงค์ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม
[29:24] ทำไมสติจึงสำคัญ
[42:32] ดังนั้นสติจึงจำปรารถนาในที่ทั้งปวง
[47:57] สติในสติปัฏฐานสี่ ปรับให้ถูก