หมวดข้อธรรม 8 ประการ พระสูตรที่ 5-8 ในยมกวรรค หมวดว่าด้วยธรรมคู่กัน

ข้อที่ #75_ปฐมสัมปทาสูตร และข้อที่ #76_ทุติยสัมปทาสูตร ว่าด้วยสัมปทา สูตรที่ 1 และ 2 ว่าด้วยเรื่อง สัมปทา (ความถึงพร้อม) 8 ประการ ได้แก่

  1. อุฏฐานสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยความหมั่น) เป็นผู้ขยันไม่เกียจคร้านในการทำงาน
  2. อารักขสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยการรักษา) ไม่ประมาท รักษาทรัพย์ที่หามาได้
  3. กัลยาณมิตตตา (ความเป็นผู้มีมิตรดี) คบหาศึกษาบุคคลที่เป็นกัลยาณมิตร คือบุคคลที่มีศรัทธา ศีล จาคะ และปัญญา เพื่อให้เกิดกัลยาธรรม คือ ศรัทธา ศีล จาคะ และปัญญา
  4. สมชีวิตา (ความเป็นอยู่เหมาะสม) รู้ทางเจริญและทางเสื่อมแห่งโภคทรัพย์แล้วเลี้ยงชีวิตแต่พอเหมาะ ไม่ให้ฟุ่มเฟือยนัก ไม่ให้ฝืดเคืองนัก ด้วยคิดว่า “รายจ่ายจะไม่ท่วมรายรับ และรายรับจะต้องท่วมรายจ่าย”
  5. สัทธาสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยศรัทธา) เป็นผู้มีศรัทธา เชื่อปัญญาเครื่องตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  6. สีลสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยศีล) ถึงพร้อมด้วยศีลห้า
  7. จาคสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยจาคะ) มีใจปราศจากความตระหนี่ ยินดีในการสละออก
  8. ปัญญาสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยปัญญา) มีปัญญาเห็นทั้งความเกิดและความดับอันเป็นอริยะ ให้ถึงความสิ้นทุกข์

ธรรมทั้ง 8 ประการนี้ เป็นเหตุนำสุขมาให้ในโลกทั้ง2 คือ ประโยชน์เกื้อกูลในภพนี้ และสุขในภพหน้า โดยจะมีเนื้อธรรมเหมือนข้อที่ #54_ทีฆชาณุสูตร ซี่งแบ่งออกได้เป็น ประเภท คือ (1.) ประโยชน์เกื้อกูลในภพนี้ ได้แก่ ธรรมในข้างต้นตั้งแต่ข้อ 1-4 (2.) สุขในภพหน้า ได้แก่ข้อ 5-8

ข้อที่ #77_อิจฉาสูตร ว่าด้วยความอยากได้ลาภ “ท่านพระสารีบุตร” ได้กล่าวกับภิกษุทั้งหลายถึงบุคคล 8 จำพวก ที่แม้ว่ากายจะอยู่วิเวกแต่ถ้าปฏิบัติไม่ต่อเนื่อง (คือ ไม่เจริญวิปัสสนาอย่างต่อเนื่อง) ความอยากในลาภย่อมปรากฎ โดยแบ่งจำแนกได้ดังนี้

  • บุคคล 4 จำพวกแรก คือ ขาดสติสัมปชัญญะ จะหลงไปตามผลที่ปรากฎ ทำให้เคลื่อนจากสัทธรรม กล่าวคือ เมื่อมีความอยากในลาภเกิดขึ้นบุคคลพวกนี้จะตั้งความเพียรในการแสวงหาหรือไม่แสวงหาลาภก็ตาม หากไม่ได้ลาภก็จะตีอกชกตัวเสียใจ และในทางตรงกันข้ามถ้าได้ลาภก็จะดีใจหลงไหลมัวเมาในลาภนั้น
  • บุคคล 4 จำพวกหลัง คือ มีสติสัมปชัญญะ เมื่อมีความอยากในลาภแล้วจะตั้งความเพียรหรือไม่ตั้งความเพียรในการแสวงหาลาภนั้นไว้ก็ตาม ผลคือจะไม่หลงไหลดีใจหรือเสียใจไปตามผลที่ปรากฎ ทำให้ไม่เคลื่อนจากสัทธรรม

*เนื้อธรรมเหมือนข้อที่ #61_อิจฉาสูตร

ข้อที่ #78_อลังสูตร ว่าด้วยผู้สามารถทำประโยชน์ตนและผู้อื่น “ท่านพระสารีบุตร” กล่าวกับภิกษุทั้งหลาย ถึงบุคคล 8 ประเภท โดยการนำธรรม 6 ประการ มาแยกจำแนกลงในบุคคล 8 ประเภทได้ 3 กลุ่ม

ธรรม 6 ประการได้แก่

  1. ใคร่ครวญธรรมได้เร็ว
  2. ทรงจำธรรมได้
  3. พิจารณาเนื้อความแห่งธรรม
  4. ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
  5. มีวาจางาม เจรจาถ้อยคำไพเราะ
  6. ชี้แจงให้เห็นชัด ชวนใจให้อยากรับเอาไปปฏิบัติ เร้าใจให้อาจหาญ ปลอบชโลมใจให้สดชื่นร่าเริง

โดยนำธรรมข้างต้นมาแบ่งประเภทบุคคลได้ 3 กลุ่มดังนี้

  • เพียงพอสำหรับตนเองและผู้อื่น มี 2 ประเภท ได้แก่ บุคคลประกอบด้วยธรรมในข้อที่ 1-6 และข้อที่ 2-6
  • ไม่เพียงพอสำหรับตนเองแต่เพียงพอสำหรับผู้อื่น มี 3 ประเภท ได้แก่ บุคคลประกอบด้วยธรรมในข้อที่ 1, 2, 5, 6 / ข้อที่ 2, 5, 6 / ข้อที่ 5, 6
  • เพียงพอสำหรับตนเองแต่ไม่เพียงพอสำหรับผู้อื่น มี 3 ประเภท ได้แก่ บุคคลประกอบด้วยธรรมในข้อที่ 1-4 / ข้อที่ 2-4 / ข้อที่ 3-4

*เนื้อธรรมเหมือนข้อที่ #62_อลังสูตร

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๕ [ฉบับมหาจุฬาฯ] อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต ยมกวรรค


Tstamp

[04:12] ปฐมสัมปทาสูตร ทุติยสัมปทาสูตรว่าด้วยสัมปทา สูตรที่ 1 และ 2
[15:54] ความต่างกันของปฐมสัมปทาสูตร และ ทุติยสัมปทาสูตร
[26:00] อิจฉาสูตร ว่าด้วยความอยากได้ลาภ
[35:04] อลังสูตร ว่าด้วยผู้สามารถทำประโยชน์ตนและผู้อื่น
[51:15] ไม่เพียงพอสำหรับตนเองแต่เพียงพอสำหรับผู้อื่น