พระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี มีโอรสชื่อ พรหมทัตกุมาร พระเจ้าพรหมทัตเกิดความระแวงพระทัย จึงเนรเทศโอรสออกจากพระนคร พรหมทัตกุมารทรงพาพระเทวีพระนามว่า อสิตาภู เข้าไปสู่ป่า พำนักอยู่ ณ บรรณศาลา วันหนึ่งพรหมทัตกุมารนั้นเห็นนางกินรี เกิดจิตปฏิพัทธ์ คิดจะเอานางกินรีนี้เป็นชายา จึงติดตามรอยเท้านางกินรีนั้นไป มิได้คำนึงถึงพระนางอสิตาภู เมื่อพระนางเห็นพรหมทัตกุมารตามนางกินรีไป ทรงดำริว่า พรหมทัตกุมารนี้มิได้คำนึงถึงเรา จึงมีพระทัยคลายรักจากพระสวามี และเดินทางเข้าไปพบพระโพธิสัตว์ เรียนบริกรรมกสิณ เมื่อนางเพ่งกสิณ ยังอภิญญาและสมาบัติให้เกิดขึ้นแก่พระนาง เมื่อพรหมทัตกุมารติดตามนางกินรีไป เที่ยวหาก็มิได้พบ หมดหวังจึงกลับมุ่งหน้ามาสู่บรรณศาลา หากแต่พระนางอสิตาภู มิได้มีจิตปฏิพัทธ์อีกต่อไป

#อสิตาภุชาดก

อ่าน “อรรถกถา อสิตาภุชาดกว่าด้วย โลภมากลาภหาย”

#สังกัปปราคชาดก

อ่าน “อรรถกถา สังกัปปราคชาดกว่าด้วย ลูกศรคือกิเลส”

#วัจฉนขชาดก

อ่าน “อรรถกถา วัจฉนขชาดกว่าด้วย ดาบสผู้มีเล็บงาม”

#ขุรัปปชาดก

อ่าน “อรรถกถา ขุรัปปชาดกว่าด้วย ถึงคราวกล้าควรกล้า”

#ปลายิชาดก

อ่าน “อรรถกถา ปลายิชาดกว่าด้วย ขับไล่ศัตรูแบบสายฟ้าแลบ”

#ทุติยปลายิชาดก

อ่าน “อรรถกถา ทุติยปลายิชาดกว่าด้วย คนถูกความเร่าร้อนเผาจนไม่อาจสู้ข้าศึกได้”


Timeline
[00:42] นิทานพรรณนา “กล้าสู้กับกิเลส”
[02:52] อสิตาภุชาดก ว่าด้วยโลภมากลาภหาย
[14:32] สังกัปปราคชาดก ว่าด้วยลูกศรคือกิเลส
[39:38] วัจฉนขชาดก ว่าด้วยดาบสผู้มีเล็บงาม
[48:30] ขุรัปปชาดก ว่าด้วยถึงคราวกล้าควรกล้า
[54:35] ปลายิชาดก ว่าด้วยขับไล่ศัตรูแบบสายฟ้าแลบ
[57:38] ทุติยปลายิชาดก ว่าด้วยคนถูกความเร่าร้อนเผาจนไม่อาจสู้ข้าศึกได้