ช่วงไต่ตามทาง: 

  • ผู้ฟังท่านนี้ปฏิบัติธรรมแล้วมีอาการได้ยินเสียงในหัวอยู่ตลอด แต่คนอื่นไม่ได้ยิน ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แต่พยายามอยู่กับอาการนี้ให้ได้ โดยปรับกฎเกณฑ์การใช้ชีวิตใหม่เพื่อรักษาจิต เวลาได้ยินเสียงอะไรก็จะไม่ส่งจิตตามไป ซึ่งควบคุมได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
  • ต้องทำความเข้าใจอริยสัจสี่ เข้าใจเรื่องทุกข์ เหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ เพื่อให้อยู่กับทุกข์ได้ โดยไม่ทุกข์

ช่วงปรับตัวแปรแก้สมการ : ภาพและเสียงในหัว

  • ภาพหรือเสียงที่ผ่านเข้ามาทางตา ทางหู เข้าสู่จิตใจ จิตจะเข้าไปเกลือกกลั้วในอารมณ์นั้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่ามี “สติ” เป็นเครื่องป้องกันหรือไม่ 
  • เสียงในหัวไม่ต่างจากเสียงที่ได้ยินจริง ๆ เช่น คำด่า ถ้าเราโกรธไปตามคำด่านั้น เราจะเป็นบ้า เพราะนั่นเป็นแค่เสียง ความโกรธที่ผู้อื่นหยิบยื่นให้เราผ่านทางคำด่านั้น ถ้าเราไม่รับเอามา ความโกรธก็จะเป็นของเขาอยู่นั่นเอง

“ธัมมารมณ์” เกิดจากการปรุงแต่งของจิต อาจเกิดจาก

1. การปรุงแต่งที่เป็นญาณทัศนะจริง ๆ 

2. การปรุงแต่งของอาสวะกิเลส

3. การปรุงแต่งจากสิ่งภายนอกมากระทบ

  • ภาพหรือเสียงในหัว ที่เกิดเป็นธัมมารมณ์นั้น ต้องแยกแยะให้ได้ว่า เกิดจากการปรุงแต่งของจิตแบบใด ถ้ายังแยกแยะไม่ได้ ก็อย่าเพิ่งตามอารมณ์นั้นไป เพราะอาจเป็นกับดักของมารได้ จะทำให้เป็นบ้าไปตามอำนาจของราคะ โทสะ โมหะได้ เช่น ภาพหรือเสียงในหัวนั้นเป็นธัมมารมณ์ที่เกิดจากกิเลส แต่คิดไปว่าเกิดจากญาณทัศนะ แล้วเชื่อตามนั้น ตามอารมณ์นั้นไป เกิดปัญหาคิดว่าตนรู้วาระจิตผู้อื่น มีเจโตปริยญาณ หรือเข้าใจว่าตนบรรลุธรรมขั้นสูง
  • “สติ” ที่มีกำลัง จะสามารถแยกแยะได้ว่าธัมมารมณ์นั้น เกิดจากการปรุงแต่งของจิตแบบใด

เครื่องป้องกันรักษาจิตไม่ให้บ้าไปตามอำนาจราคะ โทสะ โมหะ คือ 

1. การรักษาศีล 

2. การฝึกสติ

  • เกิดผลเป็นสมาธิ ทำให้จิตไม่บ้าไปตามอำนาจราคะ โทสะ โมหะ ชั่วระยะเวลาที่สตินั้นดำรงอยู่ 
  • พลังสติเพิ่มขึ้นได้ เช่น ไม่คุยฟุ้ง หลีกเร้น ไม่ยินดีในการหลับใหลแต่ประกอบด้วยธรรมะอันเป็นเครื่องตื่น รู้ประมาณในการบริโภค สำรวมอินทรีย์ กินนอนให้เป็นการภาวนา 
  • กาย วาจา ใจ เป็นไปในทางไหนมาก จิตก็จะน้อมไปทางนั้น จิตน้อมไปทางไหน สิ่งนั้นจะมีพลัง ในทางกลับกัน จิตของผู้ที่สะสมอาสวะไว้แบบใดมาก การปรุงแต่งจากจิต ก็จะแสดงออกไปทางกาย วาจา ใจแบบนั้น ดังตัวอย่างองคุลีมาล
  • การปฏิบัติตามมรรค 8 จะลดความเป็นบ้าในจิตลงได้ ให้รักษากายและวาจาด้วยศีล รักษาใจด้วยสติและสมาธิ 
  • กรณีถึงขั้นเห็นภาพหลอน เสียงหลอน ต้องพบจิตแพทย์ ใช้ยารักษา เช่น ยากล่อมประสาท ให้สมองไม่ต้องคิดมาก ก็จะช่วยลดการคิดนึกปรุงแต่งของจิตลงได้บ้าง แต่การควบคุมจิตไม่มียารักษา ต้องปรับจิตด้วยตนเอง อาจใช้เครื่องมือจากสิ่งภายนอกมากระตุ้น เช่น คำสอนของพระพุทธเจ้า ช่วยให้เข้าใจ ทำให้สติมีกำลังเกิดขึ้นได้
  • ความอยากให้ไม่มีภาพหรือเสียงในหัวนั้น เป็นเหตุแห่งความทุกข์ ยิ่งอยากมาก ยิ่งทุกข์มาก จึงต้องอยู่กับสิ่งนี้ให้ได้ โดยไม่ทุกข์ ด้วยการตั้งสติไว้ให้ดี ไม่ไปตามความคิดนั้น 

Tstamp

[05:20] ไต่ตามทาง
[15:00] พุทธภาษิต เรื่อง “ทรงเป็นพระพุทธเจ้าเพราะทำกิจสำเร็จแล้ว”
[16:50] ปรับตัวแปรแก้สมการ: ภาพและเสียงในหัว
[27:28] ธัมมารมณ์
[36:10] เครื่องป้องกันรักษาจิต
[45:08] จิตน้อมไปทางไหน สิ่งนั้นมีพลัง
[51:28] ความอยากให้ไม่มีภาพหรือเสียงในหัว