ช่วงไต่ตามทาง :

  • ผู้ฟังท่านนี้เป็นนักขายประกัน เป็นคนที่มีศรัทธาตั้งมั่นในพระรัตนตรัย ไม่เชื่อว่าการบนบานศาลกล่าวจะทำให้ขายประกันเพิ่มได้ แต่เพื่อนร่วมวงการไปบนบานแล้วได้ลูกค้าเพิ่ม และตนเองก็เจอลูกค้าที่ให้หมอดูไพ่ก่อนทำประกัน จึงลังเลว่าจะไปบนบานศาลกล่าวบ้างดีหรือไม่ แต่ก็แย้งในใจว่าตนมีศรัทธาตั้งมั่นในพระรัตนตรัย
  • ผู้ฟังอีกท่านหนึ่ง เป็นคนที่มีศรัทธาตั้งมั่นในพระรัตนตรัย ลูกจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย คนอื่นไปบนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้สอบได้ แต่ผู้ฟังท่านนี้ไม่ได้พาลูกไปบนบานศาลกล่าวที่ใด
  • ความมั่นใจอันหยั่งลงมั่นไม่หวั่นไหวในพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ สามารถยังประโยชน์ให้ถึงความสำเร็จในชีวิตได้

ช่วงปรับตัวแปรแก้สมการ: การอธิษฐาน VS การบน

  • พระพุทธเจ้าสอนว่า “ถ้าลำพังคนเราจะได้อะไร เพียงจากการอ้อนวอนขอร้องแล้ว จะไม่มีใครเสื่อมจากอะไร” การอ้อนวอนขอร้องไม่ใช่หลักการของคำสอนของพระพุทธเจ้าโดยสิ้นเชิง สิ่งที่ท่านให้ทำคือ “อธิษฐาน”
  • ความงมงาย = ศรัทธาที่ไม่ประกอบด้วยปัญญา
  • อธิษฐาน = ไม่ใช่การบนบาน อ้อนวอนขอร้อง แต่หมายถึง การตั้งใจมั่นอย่างแรงกล้าที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ที่เป็น “การสร้างเหตุ” ที่จะทำให้เกิดผลสำเร็จ ไม่ใช่อธิษฐานเพื่อขอผลสำเร็จ โดยจะมีเครื่องบูชาหรือไม่ก็ได้ สำคัญอยู่ที่ใจ เช่น เพื่อให้ได้ผลนี้ ขออธิษฐานตั้งจิตไว้ว่าจะสร้างเหตุอย่างนี้
  • อย่างไรก็ตาม การบูชาสิ่งที่ควรบูชาเป็นมงคลอย่างยิ่ง เช่น การบูชาบรรพบุรุษ (ความเมตตากรุณาที่ท่านเลี้ยงดูเรามา) การบูชาเทพเจ้า (ซึ่งมีความดี เช่น ความกล้าหาญ ความซื่อสัตย์ ความเพียร) ให้บูชาความดีเหล่านั้นให้เข้ามาอยู่ในจิตใจของเรา
  • เครื่องบูชา มี 2 รูปแบบ ได้แก่ การให้ทานโดยมีผู้รับ และการบูชายัญโดยไม่มีผู้รับ ความเชื่อที่ว่ายัญที่บูชาแล้วมีผล ทานที่ให้แล้วมีผล นั่นเป็นสัมมาทิฏฐิ
  • สังคหวัตถุ 4 ธรรมให้เกิดความเป็นที่รัก สามารถทำให้เกิดความสำเร็จได้ ได้แก่ การให้ การมีปิยวาจา การประพฤติประโยชน์ และการวางตนเสมอกัน
  • การมีระเบียบวินัย นำไปสู่ความสำเร็จได้
  • พระพุทธเจ้าอธิษฐานสร้างเหตุให้เกิดความสำเร็จในการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากที่สุด
  • ศรัทธา = ความมั่นใจ = ความเชื่อที่ประกอบด้วยเหตุและผล ประกอบด้วยปัญญา ไม่ใช่ความเชื่อแบบงมงาย
  1. ศรัทธาในเรื่องของกรรม = เชื่อในกฎแห่งกรรม
  2. ศรัทธาในผลของกรรม (วิบาก) = ผลของกรรมอาจไม่ได้ให้ผลในทันที แต่จะให้ผลในเวลาต่อไป และให้ผลไม่เท่ากัน มากบ้างน้อยบ้าง
  3. ศรัทธาว่าสัตว์มีกรรมเป็นของของตน = แต่ละคนย่อมต้องรับผิดชอบในการกระทำของตนที่ได้ทำไว้
  4. ศรัทธาในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า = พุทโธ (ทางพ้นทุกข์มีอยู่) ธัมโม (วิธีปฏิบัติเพื่อให้ถึงความพ้นทุกข์มีอยู่) สังโฆ (ผู้ปฏิบัติแล้วพ้นทุกข์ได้จริงมีอยู่) ให้มีศรัทธาในข้อนี้แบบอจลศรัทธา คือ ศรัทธาเหมือนเสาหินยาว 16 ศอก มีเส้นผ่านศูนย์กลางยาว 1 ศอก เป็นเสาหินทั้งแท่งไม่มีรอยต่อ ฝังลงไปในดินลึก 8 ศอก โผล่ขึ้นพ้นดินยาว 8 ศอก ทำมุม 90 องศากับพื้นดิน ตบดินให้แน่นอย่างดี ลมจะไม่สามารถพัดเสานี้ให้สั่นคลอนได้ ผู้ที่มีศรัทธาในข้อนี้อย่างเต็มเปี่ยม สามารถยังประโยชน์ให้ไม่ต้องเกิดอีก เป็นพระโสดาบันเข้าถึงกระแสที่จะเข้าสู่พระนิพพานได้

Timeline
[03:58] ไต่ตามทาง: บนบานศาลกล่าว
[12:00] เถระภาษิต เรื่อง พระมหากรุณาคุณของพระพุทธเจ้า
[13:25] การอธิษฐาน VS การบน
[25:20] การบูชาสิ่งที่ควรบูชาเป็นมงคลอย่างยิ่ง
[27:20] เครื่องบูชา
[33:25] สังคหวัตถุ 4
[43:40] พระพุทธเจ้าอธิษฐานสร้างเหตุ
[45:20] ศรัทธา