“สมาธิ” คือเครื่องอยู่ที่จะทำให้เกิด “ความผาสุก” เป็นความสุขอีกประเภทที่เหนือกว่าสุขเวทนาและทุกขเวทนา

ผาสุวิหารสูตร #ข้อ 94 ธรรมที่เป็นเครื่องอยู่ให้เกิดความผาสุก คือ สมาธิในขั้นที่ 1-4 (รูปฌาน) เป็นความพ้นจากกิเลสที่อาจจะยังกลับกำเริบได้ อุปไมยเหมือนหินทับหญ้า แต่ถ้าประกอบด้วยเจโตวิมุตติและปัญญาวิมุตติ คือไม่เร่าร้อนไปตามอำนาจกิเลส เป็นความสิ้นไปแห่งอาสวะนั่นเอง

อกุปปสูตร #ข้อ 95 ผู้มีธรรมไม่กลับกำเริบ คือ ปฏิสัมภิทา 4 ปัญญาแตกฉานในอรรถ (เข้าใจความหมายได้หลายนัยยะ) ธัมมนิรุตติ (เข้าใจภาษาได้ลึกซึ้ง) ปฏิภาณ (ไหวพริบถาม-ตอบปัญหา) และการพิจารณาจิตตามที่หลุดพ้นแล้วในแต่ละขั้น ฝึกสังเกตเห็นการเกิด-ดับ เสริมปัญญาให้ถึงธรรมะที่ไม่กลับกำเริบได้

#ข้อ 96-98 ธรรม 5ประการนี้ เมื่อทำอานาปานสติก็จะบรรลุธรรมได้ไม่นานนัก มีไส้ในที่เหมือนกันอยู่ 4 ประการ คือมีธุระน้อย ไม่เห็นแก่ปากแก่ท้อง นอนน้อย พิจารณาจิตตามที่หลุดพ้นแล้ว ส่วนที่แตกต่างใน สุตธรสูตร #ข้อ 96 คือ เป็นพหูสูต ฟังธรรมมาก ส่วนใน กถาสูตร #ข้อ 97 คือ กถาวัตถุ 10 ทำให้จิตเปิดโล่ง มาคิดในทางที่จะทำให้เกิดการบรรลุธรรม และ อารัญญกสูตร #ข้อ 98 คือ อยู่ป่าเป็นวัตร เป็นผู้อยู่ด้วยความไม่ประมาท

สีหสูตร #ข้อ 99 การแสดงธรรมของพระพุทธเจ้าที่เปรียบเทียบไว้ว่าเหมือน “ราชสีห์ บรรลือสีหนาท” คือ เป็นผู้หนักในธรรม เมื่อจะแสดงธรรมแก่ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา และปุถุชน ก็จะแสดงโดยเคารพในธรรม

พระไตรปิฎกเล่มที่ 22 พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ 14 [ฉบับมหาจุฬาฯ] อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต กกุธวรรค


Tstamp

[06:48] ผาสุวิหารสูตร เครื่องอยู่ให้เกิดความผาสุก
[20:16] ธรรมะ 4 ประการ ในยามเจ็บไข้
[25:17] อกุปปสูตร ผู้ไม่กลับกำเริบ
[36:01] ธรรมที่เหมือนกันของข้อที่ 96-98
[47:05] ธรรมที่แตกต่างกันของข้อที่ 96-98
[51:47] สีหสูตร พญาราชสีห์