จักกวัตติสูตร ทรงแสดงแก่ภิกษุทั้งหลาย ขณะประทับอยู่ที่เมืองมาตุลา แคว้นมคธ ทรงตรัสสอนให้พึ่งตนเป็นที่พึ่ง และมีธรรมเป็นที่พึ่ง ด้วยการเจริญสติปัฏฐาน 4 (กาย เวทนา จิต และธรรม) ได้ทรงเล่าเรื่องพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าทัฬหเนหิ และพระเจ้าจักรพรรดิในอดีตอีก 7 พระองค์ ที่ทรงประพฤติจักรวรรดิวัตรอันประเสริฐด้วยการรักษาธรรม และมีธรรมเป็นที่พึ่ง ที่ได้ปฏิบัติสืบทอดต่อๆ กันมาโดยลำดับ ที่เมื่อกษัตราธิราชทรงประพฤติจักรวรรดิวัตรนี้โดยบริบูรณ์แล้ว จะปรากฏจักรแก้ว บ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองอุดมสมบูรณ์ พระเจ้าจักรพรรดิ และประชาราษฎร์ผู้ประพฤติตามมีอายุยืนยาว แต่มีกษัตราธิราชผู้ได้รับมูรธาภิเษกพระองค์ที่ 8 ไม่ประพฤติจักรวรรดิวัตรสืบทอดจากพระชนก จึงไม่มีจักรแก้ว บ้านเมืองของพระองค์จึงไม่เจริญรุ่งเรือง ประชาราษฎร์ประสบความเดือดร้อน อดอยาก ขัดสนจึงเกิดขึ้น อายุ วรรณะ สุขะ โภคะ และพละเสื่อมถอย จนถึงสมัยหนึ่งที่มนุษย์มีอายุขัยแค่ 10 ปีตาย ในสมัยนั้นจะเกิดกาลยุคขั้นมิคสัญญี คือ คนเห็นคนเข้าใจว่าเป็นเนื้อที่ตนอยากกินเพื่อแก้ความหิวโหย จึงใช้อาวุธประหัตประหารกัน จนผู้คนล้มตายไปเกือบหมดโลก คนที่รอดตาย คือ ผู้ที่หลบหนีออกจากหมู่คณะไปหลบซ่อนตัวอยู่ป่า พอพ้น 7 วัน จึงออกจากที่ซ่อน เกิดความรู้สึกสำนึกถึงคุณค่าของธรรม แล้วตั้งใจปฏิบัติธรรม ทำให้ค่อยๆ กลับเจริญรุ่งเรืองขึ้นโดยลำดับอีกและเมื่อมนุษย์มีอายุ 80,000 ปี พระเจ้าจักรพรรดิพระองค์หนึ่ง พระนามว่าสังขะ จะเสด็จอุบัติขึ้นในโลก พระองค์ทรงประพฤติจักรวรรดิวัตรอย่างเคร่งครัด ทำให้บ้านเมืองของพระองค์เจริญรุ่งเรือง กว้างขวาง อาณาจักรของพระองค์มีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่กรุงพาราณสี แต่จะมีชื่อว่าเกตุมดีราชธานี มีประชากรหนาแน่น ในสมัยนั้น พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า เมตไตรย จะเสด็จอุบัติขึ้นในโลก จะทรงสั่งสอนธรรมและบริหารการคณะสงฆ์อย่างเดียวกับพระองค์ในบัดนี้ ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงทรงสอนให้พึ่งตนพึ่งธรรมโดยการเจริญสติปัฏฐาน 4 และประพฤติธรรมอันเป็นโคจร ซึ่งสืบเนื่องมาจากบิดา ผู้ปฏิบัติธรรมย่อมเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ โภคะ และพละ


Tstamp

[02:06] ว่าด้วยพระเจ้าจักรพรรดิการมีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง
[10:33] จักรวรรดิวัตรอันประเสริฐ
[39:11] เรื่องความเจริญด้วยอายุและวรรณะ เป็นต้น
[43:35] ความอุบัติของพระราชาพระนามว่าสังขะ และการเสด็จอุบัติแห่งพระพุทธเจ้าพระนามว่าเมตไตรย