“อปริหานิยธรรม” หมายถึง ธรรมที่เป็นเหตุให้เกิดความเจริญโดยส่วนเดียวไม่มีความเสื่อมเลย ความเจริญ ในที่นี้หมายถึงความเจริญด้วยคุณธรรมมีศีลเป็นต้น ซึ่งในข้อที่ 21 และข้อที่ 22 ได้แสดงถึงอปริหานิยธรรม 7 ประการที่เหมือนกัน และมีเนื้อหาที่สัมพันธ์กัน เป็นเรื่องราวของพวกชาววัชชี

โดยในข้อที่ #21_สารันททสูตร พระผู้มีพระภาคทรงแสดงอปริหานิยธรรมแก่พวกเจ้าลิจฉวี และข้อที่ #22_วัสสการสูตร พระเจ้าอชาตศัตรู มีพระประสงค์จะโค่นล้มพวกเจ้าลิจฉวีจึงรับสั่งให้ วัสสการพราหมณ์มหาอำมาตย์ ไปเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าเพื่อกราบทูลถาม..ฯ พระผู้มีพระภาคทรงไม่ตรัสตอบแต่ทรงรับสั่งเรียกท่านพระอานนท์มาตรัสถามถึงอปริหานิยธรรม 7 ประการของชาววัชชี จึงทำให้วัสสการพราหมณ์มีปัญญาเห็นกลอุบายที่จะโค่นล้มพวกเจ้าลิจฉวีนั่นคือ “ทำให้แตกแยกสามัคคี”

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๕ [ฉบับมหาจุฬาฯ] อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต

อ่าน “สารันททสูตร ว่าด้วยการแสดงอปริหานิยธรรมที่สารันททเจดีย์”

อ่าน “วัสสการสูตร ว่าด้วยวัสสการพราหมณ์”

ฟัง “ผู้เห็นความเป็นสุขในนิพพาน”


Q & A: จากงาน “ขุมทรัพย์แห่งใจ”

Q: ปฏิบัติศีล 8 เฉพาะวันพระได้หรือไม่?

A: ศีล คือข้อปฏิบัติที่เป็นผลดีกับผู้ปฏิบัติเอง ควรปฏิบัติให้เป็นปกติในทุกวัน อาจจะเริ่มจาก ศีล 5 ก่อน แล้วค่อยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ที่ละข้อ เป็นศีล 6 -7 – 8 จนเต็มบริบูรณ์

Q: ตั้งจิตแผ่เมตตาให้กับคนที่หวังร้ายได้อย่างไร?

A: ให้ตั้งจิตนึกถึง “จิตของผู้ที่เป็นแม่” ที่มีความรักให้กับลูกได้อย่างไม่มีเงื่อนไข และไม่มีประมาณ ไม่ว่าลูกจะดีหรือร้ายกับเราอย่างไร จิตของผู้เป็นแม่ก็ยังคงรักและมีเมตตากับลูกเสมอ


Timeline

[00:01] ความฟูใจจากงาน “ขุมทรัพย์แห่งใจ”
[09:18] สารันททสูตร ว่าด้วยการแสดงอปริหานิยธรรมที่สารันททเจดีย์
[23:30] วัสสการสูตร ว่าด้วยวัสสการพราหมณ์
[38:33] Q&A: ปฏิบัติศีล 8 เฉพาะวันพระได้หรือไม่?
[44:08] Q&A: จะตั้งจิตแผ่เมตตาให้กับคนที่หวังร้ายได้อย่างไร?