หมวดธรรมติกวรรคนี้ แบ่งธรรมออกเป็นหมวดละ 3 ข้อ โดยยกธรรม 3 ข้อแรกขึ้นมาก่อน แล้วยกธรรม 3 ข้อหลังขึ้นมาเพื่อละธรรม 3 ข้อแรกนั้น
#112_อัสสาทสูตร ว่าด้วยอัสสาททิฏฐิ (อัสสาทะ หมายถึง ความยินดี ความพอใจ รสอร่อยในกามคุณ / ทิฏฐิ หมายถึง ความเห็น *ในที่นี้หมายถึงความเห็นผิด)
1. อัสสาททิฏฐิ – ความเห็นผิดที่เกิดขึ้นเพราะอาศัยความยินดี เพลินพอใจไปในกามคุณ เห็นแต่ข้อดีอย่างเดียว (คือ รสอร่อย) ไม่เห็นโทษอันต่ำทราม คือ ความที่มันเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา (อาทีนวะ)
– ควรเจริญ “อนิจจสัญญา” (คือ ความหมายรู้โดยความเป็นของไม่เที่ยงของสังขารทั้งหลาย) เพื่อละอัสสาททิฏฐิ
2. อัตตานุทิฏฐิ – ความเห็นผิดว่านี่เป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นของเรา (สักกายทิฏฐิ)
– ควรเจริญ “อนัตตสัญญา” (คือ หมายรู้โดยความเป็นของที่ไม่ใช่ตัวตน) เพื่อละอัตตานุทิฏฐิ
3. มิจฉาทิฏฐิ – ความเห็นผิดไปจากคลองธรรม เช่น บาป-บุญ-วิบากแห่งกรรมไม่มี, การให้-การบูชาไม่มีผล.. ฯ
– ควรเจริญ “สัมมาทิฏฐิ” เพื่อละมิจฉาทิฏฐิ
*ข้อสังเกต – ทุกสิ่งมีทั้งคุณและโทษ (อัสสาทะ และ อาทีนวะ) ในอัตราส่วนที่แตกต่างกัน ให้เราเป็น “ผู้ที่ฉลาดในคุณและโทษ” คือ ไม่เพลินไปในสุข และเห็นโทษที่มันเป็นของไม่เที่ยง
#113_อรติสูตร ว่าด้วยอรติ คือ ความไม่ยินดีที่ผู้อื่นได้ดี
1. อรติ (ความไม่ยินดี-อิจฉา) – ควรเจริญมุทิตา (ความยินดี) เพื่อละอรติ
2. วิหิงสา (ความเบียดเบียน) – ควรเจริญอวิหิงสา (ความไม่เบียดเบียน) เพื่อละวิหิงสา
3. อธัมมจริยา (การประพฤติอกุศลกรรมบถ 10) – ควรเจริญธัมมจริยา (ความประพฤติกุศลกรรมบถ 10) เพื่อละอธัมมจริยา
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต ติกวรรค
อ่าน “อัสสาทสูตร ว่าด้วยอัสสาททิฏฐิ” พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๔ [ฉบับมหาจุฬาฯ] อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
ฟัง “เจริญธรรม-เพื่อละธรรม”
Timeline
[04:08] อัสสาทสูตร ว่าด้วยอัสสาททิฏฐิ
[36:36] อรติสูตร ว่าด้วยอรติ