Q: รู้สึกเบื่อโลก เบื่อทุกอย่างในชีวิต ควรทำอย่างไร?
A: ความเบื่อหน่าย หรือนิพพิทา ในทางพุทธศาสนา เมื่อเห็นไปตามจริงแล้วจะเบื่อหน่ายคลายกำหนัด จะปล่อยวาง ไม่ยึดถือสิ่งใดอีก เป็น “กุศล” ส่วนความเบื่อเซ็ง เป็นโมหะ จะเป็นลักษณะที่จะหมดกำลังใจ ท้อแท้ ไม่อยากทำอะไรทำให้จิตใจเราอ่อนกำลังลง พอเบื่อสิ่งนี้ ก็ไปยึดสิ่งใหม่ เป็น “อกุศล” ท่านเปรียบเทียบกับพราหมณ์ที่บูชาไฟ หากไฟลุกโชนมากก็ให้ใส่ขี้เถ้าลงไป หากไฟจะมอดดับก็ให้เติมเชื้อลงไป ท่านแบ่งโพชฌงค์ ไว้เป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เติมเชื้อไฟเข้าไป คือ ธัมมวิจยะ, วิริยะและปีติ และส่วนที่เติมขี้เถ้าลงไป คือ ปัสสัทธิ, สมาธิและอุเบกขา ให้เราเลือกใช้ให้ถูก หรือหากเราเบื่อเซ็งมาก ๆ ก็ให้ออกไปหากิจกรรมอะไรทำ เช่น ออกกำลังกาย ร่างกายก็จะหลั่งสารบางอย่างออก มาทำให้เรารู้สึกสบาย แต่หากเรายังอยู่กับความเบื่อ ความหดหู่นั้น ร่างกายก็อาจหลั่งสารบางอย่างออกมา ทำให้เราซึมเศร้า กายเราก็จะป่วยไปตามใจ เพราะตัวเรานั้น มีกายกับใจ มีรูปกับนาม ใจมีผลกับกาย กายก็มีผลกับใจเช่นกัน
Q: อยากจะบวชเป็นแม่ชี แต่มีความเกรงใจกังวลว่าจะไปเป็นภาระของวัด
A: การบวชเป็นแม่ชีโกนผมห่มขาวนั้น ก็เพื่อออกจากวัฏฏะสงสาร นั่นเป็นการ “ปลดภาระ” ส่วนที่เป็น “ภาระ” คือ การที่เรายังวนเวียนอยู่ในวัฎฎะนี้ ซึ่งถ้าเราไม่ได้บวชชี เราก็สามารถทำบ้านให้เป็นวัดได้ เราสามารถถือศีล 8 ดำรงชีพไปได้ตามปกติ เสพกามให้น้อยลง หมั่นปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ ลักษณะเช่นนี้ก็สามารถทำได้
Q: บุคคลที่ไม่มีศรัทธาเลยแต่มีปัญญา เขาจะสามารถบรรลุธรรมได้หรือไม่? และบุคคลประเภทไหน ใช้ธรรมะอะไร จึงจะมีปัญญาขึ้นมา
A: หากเขาไม่มีศรัทธา ก็จะไม่มีการทำจริงแน่วแน่จริง จะไม่เกิดการลงมือทำ เมื่อไม่ลงมือทำ ก็ไม่สามารถจะปฏิบัติให้เกิดปัญญาได้ แต่หากเขามีศรัทธา เขาจะมีการลงมือทำจริงแน่วแน่จริง มีวิริยะ คือ ความเพียร มีความตั้งใจจริง เมื่อเขาปฏิบัติแล้ว จะเกิดปัญญาได้ ซึ่ง ปัญญานี้ไม่ได้หมายถึงปัญญาในทางโลก หรือโลกียปัญญา แต่หมายถึง ปัญญาในทางธรรม คือ โลกุตรปัญญา
Timeline
[17:45] รู้สึกเบื่อโลก เบื่อทุกอย่างในชีวิต ควรทำอย่างไร?
[37:00] อยากจะบวชเป็นแม่ชี แต่มีความเกรงใจกังวลว่าจะไปเป็นภาระของวัด
[47:31] บุคคลที่ไม่มีศรัทธาเลยแต่มีปัญญา เขาจะสามารถบรรลุธรรมได้หรือไม่? และบุคคลประเภทไหน ใช้ธรรมะอะไร จึงจะมีปัญญาขึ้นมา