Q : จะมีวิธีแก้ไขอย่างไร ที่จะเปลี่ยนนักการเมืองที่มีมิจฉาอาชีวะมาเป็นสัมมาอาชีวะ ?

A : การที่จะมีสัมมาอาชีวะได้ จะต้องมีสัมมาทิฎฐิ เป็นองค์นำหน้า เพราะหากเราไม่มีสัมมาทิฏฐิแล้ว เราจะไม่รู้ได้เลยว่าการดำเนินชีพอย่างไรจึงจะเป็นสัมมาอาชีวะ การดำเนินชีพอย่างไรเป็นมิจฉาอาชีวะ ซึ่งการดำเนินชีพที่เป็นมิจฉาอาชีวะนั้น จะไม่ใช่ไปในทางหลุดพ้นหรือ”สลัดแอก” ได้

คำว่า “สัมมา” แปลว่า การสลัดแอก ในที่นี้คือ สลัด ละตัณหา กิเลส อวิชชา ให้เบาบางลงลดลง สัมมาทิฏฐิ คือ ทิฏฐิที่เป็นไปด้วยการสลัดแอก ลดกิเลส ส่วน “มิจฉา” คือ การที่เป็นไปเพื่อให้กิเลสเพิ่มพูนมากขึ้น เช่นนี้คือ “มิจฉาทิฏฐิ”

Q : ความหมายของ “อาชีวะ”

A : คือ ศิลปะ ในการหาทรัพย์, ดำเนินชีวิต อาชีพ

Q : ธรรมะกับนักการเมือง

A : คนที่จะมีกำลังที่จะผลักดันจิตใจให้ทำงานเพื่อคนอื่นได้ ต้องมีความดีอยู่ในใจอยู่แล้ว ให้เอามรรค 8 เป็นเกณฑ์ และคนที่จะมาเกี่ยวข้องกับกฎหมาย การปกครอง สิ่งที่ควรมี คือ ความซื่อสัตย์ มีวาจาเชื่อถือได้ ไม่พูดโกหก มีสัมมาวาจา  

Q : การเมืองไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต

A : ให้เรานำมรรค 8 มานำชีวิตของเรา ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหรือการดำเนินชีวิต นำมาใช้ในทุก ๆ ส่วน เริ่มความดีที่เรา แล้วความดีจะส่งต่อไป ไม่ใช่เปลี่ยนที่ตัวเขา แต่เปลี่ยนที่เราก่อน

Q : ฟังให้เกิดประโยชน์

A : หากเรามีศรัทธา แล้วนำธรรมะ ไปทำ ไปปฏิบัติ จะเกิดประโยชน์มาก ซึ่งศรัทธาจะเกิดขึ้นได้นั้น ต้องเห็นทุกข์ เพราะทุกข์เป็นที่ตั้งของศรัทธา ให้เราเห็นอกเห็นใจกัน สามัคคีกัน มีเมตตาต่อกัน ก็จะค่อย ๆ เห็นทางออกได้


Timeline

[03:15] จะมีวิธีแก้ไขอย่างไร ที่จะเปลี่ยนนักการเมืองที่มีมิจฉาอาชีวะมาเป็นสัมมาอาชีวะ?
[11:07] ความหมายของ “อาชีวะ” ?
[29.00] ธรรมะกับนักการเมือง
[39:19] การเมืองไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต
[45:20] ฟังให้เกิดประโยชน์