“ฐานะ 2 อย่าง คือ ทั้งเกิด และทั้งดับ ไม่ว่าจะในกุศลหรืออกุศล ก็เกิดเวทนาได้”

เจริญพุทธานุสสติ ระลึกถึงวาระที่พระพุทธเจ้าหลีกเร้นแล้วสำรวจสมบัติในเรื่อง “เวทนา” พระพุทธเจ้าทรงเตือนว่า เวทนามีในทุกสิ่ง ทั้งในมิจฉาสมาธิ ทั้งการเข้าไปสงบระงับแห่งมิจฉาสมาธิ ทั้งในสัมมาสมาธิ และการเข้าไปสงบระงับแห่งสัมมาสมาธินั้นด้วย สมาธิทั้งหมดนั้นมีการเสวยอารมณ์ คือ เวทนาแน่นอน แม้แต่ในขณะที่พยายามที่จะบรรลุ หรือบรรลุแล้ว เพียงต่างกันตรงที่ชนิดของเวทนา

เมื่อมีเวทนาแล้วจึงเพลินไปหลงไปเข้าไปยึดถือในเวทนา ถูกจิตหลอก ทำให้สมาธิกลายเป็นพิษ แม้ในสัมมาสมาธิก็มีกับดักให้ไปยึดถือได้ ในทีนี้ยกตัวอย่างบุคคลที่ได้รับผลจากสมาธิที่เป็นพิษ คือ ท่านพระเทวทัต อาฬารดาบส และอุทกดาบสผู้รามบุตร เวทนาเข้าไปยึดถือได้ด้วยจิตของเรา ไม่ว่าเวทนานั้นจะเกิดจากอะไรก็ตาม มันเป็นกับดักของจิต จิตหลอกให้ยึดถือ มีความเป็นอัตตา

วิธีแก้ คือ การอุดรูรั่ว ให้เห็นด้วยปัญญา ปัญญาเห็นไม่ใช่ตัวเราเห็น เห็นถึงความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นำมรรคมาใช้ ขณะเดียวกันก็ให้ระวังรูรั่วในมรรค รูรั่วในมรรค คือ การเข้าไปยึดถือ และความไม่เที่ยงของมรรค เพราะมรรคก็คือการปรุงแต่ง เวทนาก็คือการปรุงแต่ง เห็นความจริง มีความหน่ายแล้ว ปฏิบัติกิจตามหลักอริยสัจสี่ จะอุดรูรั่ว พาแพถึงฝั่งได้ วางแพวางความยึดถือปล่อยวางได้ ดับเย็น


Timeline
[00:04] เจริญพุทธานุสสติเพื่อเท่าทันเวทนาในสมาธิ
[15:46] สมาธิเป็นพิษ
[21:16] กับดักในสมาธิ ระวังถูกจิตหลอก
[28:29] ทั้งเกิดทั้งดับทั้งกุศลอกุศลก่อเวทนา
[34:12] เห็นด้วยปัญญาว่าทุกการปรุงแต่งไม่เที่ยง แม้แต่ตัวปัญญา
[48:03] สรุป ปิดรูรั่วตามกิจในอริยสัจสี่