Q : กิเลส มักเกิดขึ้นในใจ ในรูปแบบของความคิด ก่อนที่จะออกมาเป็นคำพูดหรือการกระทำ ใช่หรือไม่? 

A : กิเลสเกิดจากจิตที่มีอวิชชาแฝงอยู่ แล้วไม่มีสติรักษา เมื่อมีผัสสะมากระทบ ก็จะปรุงแต่งไปตามสิ่งที่พอใจหรือไม่พอใจ ออกมาในรูปแบบ ความคิด คำพูด การกระทำ และเมื่อปรุงแต่งออกไปแล้ว ก็จะมีอาสวะกลับเข้ามาในจิต  

Q : มีสติเห็นความคิดที่ผ่านเข้ามาแล้วไม่ตามมันไป จะช่วยขูดเกลากิเลสได้หรือไม่?

A : การที่เราแยกแยะได้ รู้ว่าสิ่งนี้ดี สิ่งนี้ไม่ดี ความรู้นั้น เป็น “สัมมาทิฏฐิ” เมื่อเรามีปัญญา มีความเพียร มีสติ สมาธิ กิเลสก็จะอยู่ไม่ได้ จะค่อย ๆ หลุดลอกออก  

Q : แนวทางจากคำถามข้างต้น คือ มรรค8 คือ สัมมาสังกัปปะ ใช่หรือไม่?

A : ล้วนเป็นแนวทางของมรรค 8 ตามกันมา เราทำอันใดอันหนึ่งก็จะตามกันมาหมด ซึ่ง มรรค8 คือ ทางเดียว ที่มีองค์ประกอบ 8 อย่าง ไม่ใช่ทาง 8 สาย  

Q : การเข้าฌาน กับ ขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ อัปปนาสมาธิ เกี่ยวข้องกันอย่างไร?

A : ฌาน คือ กิริยา การเพ่ง จดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ส่วน ขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ และอัปปนาสมาธิ นั้น เป็นระดับความลึกของสมาธิ ถ้าทำได้ไม่นาน จัดเป็น “ขณิกสมาธิ” ถ้าพอจะเป็นที่อยู่ได้ จัดเป็น “อุปจารสมาธิ” ถ้าทำสมาธิได้ลึกซึ้งนาน จัดเป็น “อัปปนาสมาธิ”  

Q : เราสามารถตั้งสติจนถึงรอยต่อที่จะหลับได้หรือไม่ ? สภาวะนั้นเทียบได้กับตอนที่จะตาย ใช่หรือไม่ ? หากตอนเราจะตายตั้งสติไม่ได้ ส่งผลเสียมากหรือไม่ ?

A : ความตายเกิดขึ้นได้ตลอด ไม่ใช่แค่เกิดขึ้นระหว่างรอยต่อ ตรงไหนมีผัสสะ ตรงนั้นมีรอยต่อ เป็นกระแสเกิดและดับ สิ่งสำคัญคือเมื่อกระแสดับแล้ว จิตเราจะระลึกถึงอะไร คว้าอะไร เราจึงควรทำดี มีสติ ฝึกทำอยู่ตลอด ตรงไหนที่กังวลใจก็ให้กำจัดอาสวะส่วนนี้ออก สมาธิเราก็จะเต็ม ก็จะไปขั้นสูงขึ้นไปได้อีก  

Q : ถ้าต้องป่วยด้วยอาการทางสมองระหว่างปุถุชนกับอริยะบุคคลต่างกันหรือไม่?

A : เหมือนกันที่ ทางกายบกพร่องทางสมอง ต่างกันที่ อริยะบุคคล เมื่อถูกลูกศรดอกที่ 1 แทงที่กาย ท่านจะรักษาจิตท่านไว้ได้ ไม่ไปหาความสุขทางกาม ส่วนปุถุชนนั้น เมื่อถูกลูกศรดอกที่ 1 แทงที่กายแล้ว ยังถูกลูกศรดอกที่ 2 แทงไปที่ใจ คือ กังวลใจ ไม่ผาสุก แล้วไปหาความสุขทางกาม  

Q : ควรเตรียมตัวอย่างไร เพื่อป้องกันไม่ให้จิตไปอบายภูมิ ถ้ายังไม่ได้เป็นอริยบุคคล

A : เราต้องรักษาจิตเราให้ดี ฝึกสติ เห็นไปตามจริง อะไรที่ต้องบรรลุ อะไรที่ต้องทำให้ถึง เมื่อทำได้แล้ว ถึงเวลานั้นเราจะเป็นผู้ที่อยู่ผาสุกได้  

Q : อนมตัคคปริยายสูตร น้ำตาเปรียบด้วยมหาสมุทร

A : เราทุกข์เพราะไม่เห็นอริยสัจสี่ ให้เราตั้งสติให้ดี เห็นในความเป็นจริงด้วยปัญญา ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นทุกข์ เป็นสิ่งที่ยึดถือไม่ได้ ให้ ระลึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และศีล สี่อย่างนี้จะพาให้เราสู่กระแสนิพพานเป็น “โสตาปัตติยังคะ 4” ได้