“บรรดาแสงสว่าง 4 ประการนี้ แสงสว่างแห่งปัญญาเป็นเลิศ” 

อาภาสูตร ปภาสูตร อาโลกสูตร โอภาสสูตรและปัชโชตสูตร ไส้ในเหมือนกัน ต่างกันที่หัวข้อ ในความสว่าง 4 อย่าง คือ ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ไฟ และปัญญา ความสว่างเสมอด้วยปัญญา ไม่มี เพราะปัญญาทำให้เห็นทางไปสู่นิพพานจากการปฏิบัติตามมรรค 8 ปฐม/ทุติยกาลสูตร กาล คือ เวลา คือ ความเหมาะสมที่เมื่อทำอย่างต่อเนื่องหมุนวนไปจะทำให้สิ้นอาสวะได้ คือ ฟังธรรม สนทนาธรรม สงบใจ และเห็นแจ้งตามกาล ทุจจริตสูตรและสุจริตสูตรเป็นเรื่องวาจา สารสูตร:สารธรรม หมายถึง แก่นสาร เพราะการยังคงมีอยู่ของศีล สมาธิ ปัญญา และวิมุต เราจึงไม่ร้อนใจ ความเบียดเบียนมีแต่พอทนได้ นิพพานยังมี จบอาภาวรรค 

เริ่มอินทริยวรรค เราจะทำตามศีล สมาธิ ปัญญาได้ก็ต้องมีอินทรีย์ และพละ ในอินทริยสูตร สัทธาพลสูตร ปัญญาพลสูตร สติพลสูตร ปฏิสังขานพลสูตร คือ สิ่งที่จะรักษาให้เราอยู่ในมรรค

อ่าน “อาภาวรรค หมวดว่าด้วยแสงสว่าง” พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๓ [ฉบับมหาจุฬาฯ] อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต

อ่าน “อินทริยวรรค หมวดว่าด้วยอินทรีย์” พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๓ [ฉบับมหาจุฬาฯ] อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต

Timeline
[03:18] อาภาวรรค หมวดว่าด้วยแสงสว่าง
[05:15] อาภาสูตร ปภาสูตร อาโลกสูตร โอภาสสูตร ปัชโชตสูตร
[17:17] ปฐม/ทุติยกาลสูตร ว่าด้วยกาล
[25:16] ทุจจริตสูตร และสุจริตสูตร
[32:01] สารสูตร ว่าด้วยสารธรรม
[41:42] อินทริยวรรค อินทริยสูตร สัทธาผลสูตร
[52:29] ปัญญาพลสูตร สติพลสูตร ปฏิสังขานพลสูตร