“เจริญกายคตาสติ แล้วเห็นด้วยปัญญาในความเป็นของไม่เที่ยง ในความเป็นของไม่ใช่ตนในกายของเรานี้ ชื่อว่าไม่เพลินไปในปัจจุบัน เป็นคนไม่เผลอไม่เพลิน ชีวิตนั้นมีค่ามาก”

วันนี้ที่เรามีชีวิตอยู่วันหนึ่งขึ้นมา มันไม่แน่นอนว่าจะอยู่ต่อไปนานอีกเท่าไหร่ เพราะว่าชีวิตมนุษย์นี้มันน้อย ซ้ำยังประกอบด้วยทุกข์ วันนี้ที่เมื่อเราตื่นขึ้นมาแล้ว ให้ใช้มันอย่างมีค่ามาก เกิดผลประโยชน์สูงสุดในการที่จะเห็นด้วยปัญญาว่า กายนี้ มีความตายเป็นที่ไปถึงในเบื้องหน้า แต่สามารถทำประโยชน์สูงสุดให้ถึงความไม่ตายคือเป็นอมตะในจิตใจของเราได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่า เราจะสามารถเห็นแจ้งธรรมปัจจุบัน ไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลนในธรรมนั้น ๆ ได้หรือไม่ จึงควรทำความเพียรเสียแต่ในวันนี้ ใครเล่าจะรู้ความตายในวันพรุ่ง

คนที่เห็นความจริงโดยประจักษ์ในข้อนี้ จะมีปัญญา ไม่เผลอเพลินไปตามอะไร ๆ ก็ตาม ที่อยู่ในกายนี้ จะไม่เข้าไปยึดถือ แต่จะเห็นโดยความเป็นอนัตตาในกาย ในสิ่งที่เราจะไปทำ และในสิ่งที่ผ่านมาแล้ว เราจะไม่เพลินไปในอดีต อนาคต หรือปัจจุบันได้ ก็ด้วยการตั้งสติสัมปชัญญะไว้ในกายนี้

ด้วยกำลังจิตที่เราตั้งไว้ตั้งแต่หลังตื่นนอน เชื่อมรอยต่อนี้ให้ดี พิจารณามาในกายให้ปรุโปร่ง เห็นตามจริงด้วยปัญญาในความเป็นของไม่เที่ยง แล้วทำความดีด้วยการเจริญพรหมวิหาร 4 ทำความเพียรอยู่ตลอดทั้งวัน การเป็นอยู่แบบนี้จะเป็นการอยู่ที่มีค่ามาก