ขุดเพชรจากพระไตรปิฎก พระนันทาเถรี พระโสณาเถรี พระสกุลาเถรี และพระภัททากุณฑลเกสาเถรี (พระไตรปิฎกเล่มที่ 20 พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ 12: อังคุตตรนิกาย เอกกนิบาต เอตทัคควรรค ข้อที่ 240-243) 

ประวัติความเป็นมาและบุพกรรมในชาติก่อน การบรรลุธรรม และความเป็นเอตทัคคะ  

พระนันทาเถรี เอตทัคคะในฝ่ายผู้แพ่งด้วยฌาน 

พระนันทาเถรี  หรือ พระนางรูปนันทา เป็นน้องต่างมารดาของพระพุทธเจ้า เป็นผู้มีสิริโฉมอันงดงาม ได้ออกบวชตามเหล่าพระญาติ ไม่ได้บวชด้วยความศรัทธา จึงยังเป็นผู้ที่หลงใหลในความสวยงามอยู่ เมื่อบวชแล้วก็ไม่ได้ทำความเพียร และไม่ยอมไปรับฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า 

ครั้นเมื่อต้องได้เข้าเฝ้าฯ พระพุทธเจ้าจึงทรงเนรมิตสตรีผู้ที่มีความงดงามกว่าพระนางหลายเท่านักขึ้นจับใบตาลถวายงานพัดอยู่ แล้วทรงบันดาลให้หญิงนั้นค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงเป็นผู้มีอายุมากขึ้นจนถึงแก่เฒ่า มีความเจ็บป่วย และถึงแก่ความตาย เป็นศพเน่าเปื่อยไปตามลำดับ เมื่อได้เห็นเช่นนั้นแล้ว จึงได้เพ่งพิจารณาตาม เกิดความเบื่อหน่าย มีจิตสลดสังเวช มีปัญญา บรรลุโสดาปัตติผลและอรหัตตผลตามลำดับ และได้รับการยกย่องให้เป็นเอตทัคคะในฝ่ายผู้แพ่งด้วยฌาน 

“ดูก่อนนันทา เธอจงเห็นร่างกายอันกระดูก ๓๐๐ ท่อนยกขึ้นแล้ว อันกระสับกระส่าย ไม่สะอาด เปื่อยเน่า จงอบรมจิตให้ตั้งมั่นมีอารมณ์เดียวด้วยอสุภภาวนา อนึ่ง เธอจงอบรมจิตให้หานิมิตมิได้ ละเสียซึ่งอนุสัยคือมานะ เพราะการละมานะได้นั้น เธอจักเป็นผู้สงบเที่ยวไป.” 

พระโสณาเถรี เอตทัคคะในฝ่ายผู้ปรารภความเพียร 

พระโสณาเถรีเถรีเป็นผู้มีลูกมาก ได้บวชเป็นภิกษุณีเมื่อตอนที่อายุมากแล้ว ถูกเหล่าภิกษุณีใช้ให้ต้มน้ำ ได้เจริญวิปัสสนาและบำเพ็ญเพียรพิจารณาขันธ์ไปด้วยจนได้บรรลุอรหัตตผล จึงได้แสดงฤทธิ์ด้วยการใช้เตโชธาตุทำให้น้ำร้อนโดยไม่ต้องใช้ไฟต้ม เมื่อคุณของพระเถรีปรากฏว่า แม้ท่านจะบวชตอนแก่ก็ตาม ยังสามารถบรรลุถึงผลเลิศได้ในเวลาไม่นาน เพราะเป็นผู้มีความเพียร พระพุทธเจ้าได้ยกย่องท่านให้เป็นเอตทัคคะในฝ่ายผู้ปรารภความเพียร 

“ข้าพเจ้าคลอดบุตร ๑๐ คน ในเรือนร่างคือรูปนี้ เพราะเหตุนั้น จึงชราทุพพลภาพ เข้าไปหาภิกษุณี. ภิกษุณีนั้นแสดงธรรมคือขันธ์ อายตนะและธาตุ ข้าพเจ้าฟังธรรมนั้นแล้วก็โกนผมบวช ข้าพเจ้านั้นศึกษาอยู่ ก็ชำระทิพยจักษุให้บริสุทธิ์ ข้าพเจ้ารู้ปุพเพนิวาสญาณ รู้ขันธ์ที่อาศัยอยู่ในชาติก่อน และเจริญอนิมิตตสมาธิ ก็มี จิตตั้งมั่นดี มีอารมณ์เดียว มีวิโมกข์เกิดขึ้นในลำดับ ไม่ยึดมั่น ดับสนิท. ปัญจขันธ์ ข้าพเจ้ากำหนดรู้แล้ว มีมูลรากอันขาดแล้ว ดำรงอยู่ น่าตำหนิความชราที่น่าชัง บัดนี้ไม่มีการเกิดอีก.” 

พระสกุลาเถรี เอตทัคคะในฝ่ายผู้มีทิพยจักษุ 

สกุลา เกิดในตระกูลพราหมณ์ในกรุงสาวัตถีมีทรัพย์มาก เป็นผู้มีจิตศรัทธาน้อมไปในการออกบวชอันเป็นผลจากบุญกุศลเก่าในอดีตชาติ และเมื่อได้ฟังธรรมก็ขอออกบวช ไม่นานก็บรรลุอรหัตตผล พร้อมทั้งวิชชา 3 และอภิญญา 6 มีความชำนาญในทิพยจักษุ จนได้รับตำแหน่งเอตทัคคะในฝ่ายผู้มีทิพยจักษุ 

“เมื่อเรายังอยู่ในเรือน ได้ฟังธรรมของภิกษุรูปหนึ่ง ได้เห็นนิพพาน อันเป็นธรรมปราศจากธุลี เป็นทางเครื่องถึงความสุข ไม่จุติต่อไป เราจึงละบุตร ธิดา ทรัพย์ และธัญชาติ โกนผมออกบวชเป็นบรรพชิต เราศึกษาทางสงบใจอยู่ เจริญมรรคชั้นสูง จึงละราคะ โทสะ และ อาสวะทั้งหลายอันกล้าแข็งกว่าราคะโทสะนั้นได้ เราอุปสมบทเป็น ภิกษุณีแล้ว ระลึกถึงชาติก่อนได้ ชำระทิพยจักษุให้บริสุทธิ์หมดมลทิน อบรมแล้วด้วยดี เราเห็นสังขารทั้งหลาย โดยความเป็นอนัตตา เป็น ของเกิดแต่เหตุ มีอันทรุดโทรมไปเป็นสภาพ แล้วละอาสวะทั้งปวง เป็นผู้มีความเย็นใจ ดับสนิทแล้ว.”  

พระภัททากุณฑลเกสาเถรี เอตทัคคะในฝ่ายผู้ตรัสรู้เร็วพลัน 

นางภัททา เกิดในตระกูลเศรษฐี เมื่อเข้าสู่วัยสาวได้เห็นโจรที่กำลังจะถูกนำไปประหาร ได้เกิดหลงรักในโจรนั้น พ่อแม่จึงยอมตามใจ ติดสินบนนำตัวโจรนั้นมาให้เป็นสามี เมื่ออยู่ได้ 2-3 วัน โจรเห็นเครื่องประดับของนางก็อยากได้ จึงออกอุบายให้นางแต่งกายด้วยเครื่องประดับและของมีค่า หลอกให้ขึ้นไปบนภูเขาหมายจะฆ่าชิงทรัพย์ แต่ด้วยความที่นางเป็นผู้มีปัญญาจึงได้ใช้อุบายผลักโจรตกเขาเอาตัวรอดมาได้ จึงออกบวชในสำนักของนิครนถ์ เมื่อถูกถอนผมและผมขึ้นใหม่อีกก็มีลักษณะคล้ายตุ้มหู เป็นกลุ่มก้อน จึงได้ชื่อ “ภัททากุณฑลเกสา” ได้เที่ยวตามหาโต้วาทะ จนได้พบและโต้วาทะกับพระสารีบุตร เมื่อพ่ายแพ้จึงได้ขอบวชในสำนักของพระพุทธเจ้า เมื่อได้เข้าเฝ้าฯ และฟังธรรม แม้เพียงพระคาถา 4 บทเท่านั้น ก็บรรลุอรหัตตผลพร้อมปฏิสัมภิทา จึงได้รับการยกย่องให้เป็นเอตทัคคะในฝ่ายผู้ตรัสรู้เร็วพลัน 

“แต่ก่อน ข้าพเจ้าถอนผม อมมูลฟัน มีผ้าผืนเดียว เที่ยวไป รู้ในสิ่งที่ไม่มีโทษว่ามีโทษ และเห็นสิ่งที่มีโทษว่าไม่มีโทษ. ข้าพเจ้าออกจากที่พักกลางวัน ก็ได้พบพระพุทธเจ้าผู้ไม่มีกิเลสดุจธุลี อันหมู่ภิกษุแวดล้อมที่ภูเขาคิชฌกูฏ จึงคุกเข่าถวายบังคมทำอัญชลีต่อพระพักตร์ พระองค์ตรัสกะข้าพเจ้าว่า ภัททา จงมา พระดำรัสสั่งนั้นทำความหวังของข้าพเจ้าให้สำเร็จสมบูรณ์. 

ข้าพเจ้าจาริกไปทั่วแคว้นอังคะ มคธะ กาสี โกสละ บริโภคก้อนข้าวของชาวแคว้นมา ๕๐ ปี ไม่เป็นหนี้ [ไม่เป็นอิณบริโภค]. ท่านอุบาสกผู้ใด ได้ถวายจีวรแก่ข้าพเจ้าภัททา ผู้พ้นจากกิเลสเครื่องร้อยรัดทุกอย่างแล้ว ท่านอุบาสกผู้นั้นมีปัญญา ประสบบุญเป็นอันมากหนอ.” 

แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: นิทานพรรณนา Ep.41 


Timeline
[01:55] อรัมภบทความเป็นเลิศของภิกษุ;ภิกษุณี
[09:30] ข้อคิดเห็นต่อข้อสังเกตุของผู้รับชม
[13:59] เรื่องราวความเป็นมาของพระนางนันทาเถรี
[19:07] พระนันทาไปฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า
[24:00] พระนันทาเบื่อหน่ายในรูปร่างกาย
[27:50] ความเป็นมาเรื่องราวของพระโสณาเถรี
[33:15] พระโสณาเถรีแสดงฤทธิ์
[35:40] เรื่องราวของพระสกุลาเถรี
[40:40] เรื่องราวความเป็นมาของนางภัททา
[45:00] เรื่องราวของโจรสัตตุกะ
[49:00] หุบเขาทิ้งโจร
[54:40] นางภัททากุณฑลเกสาโต้วาทีกับพระสารีบุตร
[57:00] นางภัททากุณฑลเกสาบรรลุธรรม