00:00
1X
Sorry, no results.
Please try another keyword
- 2 จิตตวิเวกพระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ใน โพธิราชกุมารสูตร (บางส่วน) มีใจความอย่างนี้ว่า “…ก็ความคิดข้อนี้ได้เกิดขึ้นแก่เราว่า ธรรมะที่เราบรรลุแล้วนี้เป็นธรรมะอันลึก สัตว์อื่นเห็นได้ยาก ยากที่สัตว์อื่นจะรู้ตาม, เป็นธรรมะระงับและประณีต ไม่เป็นวิสัยที่จะหยั่งลงง่าย ๆ ด้วยความตริตรึก เป็นของละเอียด เป็นวิสัยรู้ได้เฉพาะบัณฑิต, ก็หมู่สัตว์ยุคนี้มีอาลัยเป็นที่ยินดี ยินดีเพลิดเพลินแล้วในอาลัย ก็สำหรับหมู่สัตว์ผู้มีอาลัย คือ ความยึดถือ เป็นที่ยินดี ยินดีเพลิดเพลินในอาลัยนั้น, ยากนักที่จะเห็นปฏิจจสมุปบาทคือ ความที่ธรรมอาศัยกันแล้วเกิดขึ้น, ยากนักที่จะเห็นธรรมะอันเป็นที่สงบระงับในสังขารทั้งปวง, เป็นธรรมะอันถอนความยึดถือทั้งสิ้น เป็นความสิ้นตัณหา เป็นความคลายกำหนัด เป็นความดับ เป็นความเย็น คือ นิพพาน. หากเราแสดงธรรมแล้วสัตว์อื่นไม่พึงรู้ทั่วถึง ข้อนั้นจักเป็นความเหนื่อยเปล่าแก่เรา, เป็นความลำบากแก่เรา.” ที่ปรารภเรื่องนี้ขึ้นมา ก็เพื่อให้นักปฏิบัติธรรมทั้งหลายได้ตระหนักรู้ว่า ถ้าเมื่อฟังธรรมแล้วปฏิติธรรมแล้วมันไม่คืบหน้าเลย ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป และกลับรู้สึกท้อแท้ท้อถอย หมดกำลังใจ นี้คือทำไม่ถูก ให้เราเริ่มทำความเข้าใจในประเด็นนี้ใหม่ ด้วยการปรุงแต่งระลึกนึกถึงเอาใจจดจ่อไว้ อยู่กับคำว่า "พุทโธ" …ความไม่ลึกซึ้ง ความไม่แยบคายของเรา จะทำให้พระพุทธเจ้าเหนื่อยเปล่า มีความลำบาก ซึ่งแม้แต่สมาธิในสมาธิขั้นธรรมดา ๆ คนที่ไม่มีความลึกซึ้ง ไม่มีความแยบคาย มันก็ทำไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องทำความลึกซึ้งแยบคายในการปฏิบัติให้ลึกลงไปในรายละเอียดอย่างที่ชาวนาทำกิจที่ควรทำ [...]