ปฏิปทาอันเป็นที่สบายแก่การบรรลุนิพพาน นั่นคือให้เห็นความเป็นทุกข์ เห็นความไม่เที่ยง เห็นความเป็นอนัตตา เห็นไตรลักษณ์ในสิ่งที่เรารับรู้ได้ 

การเตรียมการให้จิตมีความเป็นสัปปายะ คือ เตรียมสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมในการที่จะจับอวิชชาได้ เริ่มมาตั้งแต่ศีลสมบูรณ์ สติ สมาธิ และปัญญา เมื่อเตรียมช่องทางคือใจให้สัปปายะมีความพร้อมแล้ว มีผัสสะมากระทบ เกิดราคะโทสะโมหะโผล่ขึ้นมา เราจะมีอำนาจเหนือมัน ดักจับมันกลับได้  

ถึงจะมีผัสสะอะไรมา ถ้าในใจมีมรรคอยู่ นั่นจะเป็นช่องทางให้ราชฑูตคือสมถะวิปัสสนานำข่าวสารมาแจ้งต่อเจ้าเมืองได้ 

ให้รักษาสติตลอดทั้งวัน เหมือนยามที่ดี  มีสติตั้งไว้ในพุทโธตลอดเวลาจะสามารถทำความแจ้งในนิพพานให้เกิดขึ้นได้ด้วยความเป็นสัปปายะ ในการที่จะให้พิจารณาเห็นความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ตั้งแต่ตอนที่มันเกิดขึ้น ตั้งแต่ตอนที่มันตั้งอยู่ หรือแม้แต่เมื่อมันดับไปแล้ว ทำอยู่เป็นประจำจะเป็นที่สบายแก่การบรรลุนิพพาน


Timeline
[01.41] นำธรรมะเข้าสู่ใจด้วยการตั้งสติ ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้าด้วย “พุทโธ”
[09.07] ทำจิตให้มีความเป็นสัปปายะ
[13.57] ปฏิปทาอันเป็นที่สบายแก่การบรรลุนิพพาน คือ การเห็นไตรลักษณ์ในสิ่งที่เรารับรู้ได้
[20.25] ความไม่เที่ยงไม่ได้ปรากฏตอนที่มันดับเท่านั้น เพราะมันอาศัยเหตุปัจจัยจึงมีความเป็นอนัตตา
[24.54] ต้องมีการวางแผนเตรียมการเพื่อให้ทั้งวันดีพร้อม
[44.46] สารโง่คืออวิชชา แทรกซึมในทุกสิ่ง ดั่งสลักอันนิดเดียวแต่ lock ไว้แน่นหนา
[51.00] เตรียมการให้สัปปายะ จะละอวิชชาได้