“นิมิต” หมายถึง เครื่องหมาย จุดนี้สำคัญ มันอยู่ที่เราแปลเครื่องหมายนี้อย่างไร เป็นไปทางสุจริต หรือ ทุจริต ในทางกาย วาจา และใจตา หู จมูก ลิ้น กาย เป็นหัวข้อที่พระพุทธเจ้ายกในเรื่องของ “กาม” ที่เรียกว่า “วัตถุกาม” เป็นวัตถุที่จะทำให้เกิดความกำหนัดยินดีพอใจขึ้นในจิตใจของเราได้ ซึ่งเกิดตอนที่ถือเอานิมิตนี้เองมโนสังขาร คือ การปรุงแต่งในทางใจ การปรุงแต่งนี้เกิดขึ้นตอนที่มีผัสสะ เพราะมีผัสสะจึงมีการปรุงแต่งแบบนี้เกิดขึ้นได้ การปรุงแต่งแบบนี้เป็นกรรมแล้ว เป็นกรรมในทางใจ กรรมในทางวาจา และกรรมในทางกาย ก็เกิดตามมา ในที่นี้มันเริ่มจากทางใจก่อนเป็นมโนทุจริต ก็เป็นวจีทุจริตต่อไป แล้วก็เป็นกายทุจริตต่อไป เมื่อมีผัสสะเกิดขึ้นแล้ว มีสัญญาคือความหมายรู้โดยไม่รอบคอบ ไม่มีการสำรวมอินทรีย์ ไม่มีสติสัมปชัญญะตั้งเอาไว้ ถือเอาโดยนิมิตที่ไม่แยบคาย เกิดกามสัญญาขึ้น มโนสังขารที่ปรุงแต่งก็เป็นเรื่องไปในทางกาม ความคิดฟุ้งซ่านไม่สงบก็เป็นมโนกรรมที่ไม่ดี มันเชื่อมต่อไหลกันไปรวดเร็วยิ่งกว่าลัดนิ้วมือจะสำรวมกาย สำรวมวาจา สำรวมใจได้ จะต้องสำรวม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ด้วยไม่ให้เห็นโดยนิมิต ไม่ให้เห็นโดยดูในลักษณะอนุพยัญชนะ เพื่อป้องกันอกุศลธรรมที่ยังไม่มี ไม่ให้เกิดขึ้น, ลบ ละ เลิก ละ ทิ้งอกุศลธรรมที่มันมีอยู่แล้ว ให้มันลดลง, ทำกุศลธรรมใหม่ ๆ ที่ยังไม่มี ให้มันเกิดขึ้น, พัฒนาที่มีดีอยู่ ให้มันมีดีมากขึ้น สติเราเจริญขึ้น นี้เป็นการทำความเพียรถ้ามีผัสสะมากระทบ จะเป็นเครื่องทดสอบว่า เรายังอยู่ในมรรคได้หรือไม่? ถ้าเรายังอยู่ได้ นั่นจะเป็นทาง เป็นทางที่จะให้ความจริง ความรู้ คือ วิชชา เกิดขึ้นได้ จะทำให้เราพ้นจากเรื่องที่ไม่จริง เรื่องที่มันเป็นเท็จ พ้นจากอวิชชา พ้นจากตัณหาได้ นั่นเอง