ผู้ที่มีดวงตา ก็จะสามารถใช้ตามองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ และจะสามารถแสวงหาสิ่งที่ต้องการได้ ในตอนนี้จะกล่าวถึง “การแสวงหา 2 อย่าง ด้วยตา 2 ข้าง” โดยจะกล่าวนัยยะการใช้ดวงตา มาแยกบุคคลได้ 4 จำพวกดังนี้

1. คนตาบอด คือ บุคคลที่ไม่มีดวงตา (คือปัญญา) มองหาลู่ทางที่จะให้ได้ทรัพย์ที่ยังไม่ได้ มองไม่เห็นทางที่จะทำให้ทรัพย์ที่มีอยู่งอกเงยขึ้น และไม่มีดวงตา ที่เป็นเหตุจะให้รู้ธรรมทั้งหลายอันเป็นกุศลและอกุศล อันมีโทษและไม่มีโทษ หยาบและละเอียด 

2. คนมีตาข้างเดียว คือ บุคคลที่มองเห็นลู่ทางที่จะทำให้ได้ทรัพย์ที่ยังไม่ได้นั้นมา และมองเห็นลู่ทางที่จะทำให้ทรัพย์ที่มีอยู่งอกเงยขึ้น แต่ไม่มีดวงตาที่เป็นเหตุจะให้รู้ธรรมทั้งหลายอันเป็นกุศลและอกุศล และอาจแสวงหาทรัพย์มาด้วยทางที่ไม่ดี

3. คนมีตา 2 ข้าง คือ บุคคลที่มองเห็นลู่ทางที่จะทำให้ได้ทรัพย์ที่ยังไม่ได้นั้นมา และมองเห็นลู่ทางที่จะทำให้ทรัพย์ที่มีอยู่งอกเงยขึ้น และมีดวงตาที่เป็นเหตุจะให้รู้ธรรมเห็นธรรม

4. คนที่มีตาที่ 3 คือ มีตาสมบูรณ์ คือ ดวงตาที่เห็นอริยสัจ 4 เห็นสิ่งที่เหนือบุญเหนือบาป 


การแสวงหา 2 อย่าง

1. การแสวงหาที่ไม่ประเสริฐ (อนริยปริเยสนา ) คือการแสวงหาสิ่งที่ยังมี ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความโศกร่ำไรรำพัน นั่นคือแสวงหาทุกข์

2. การแสวงหาที่ประเสริฐ (อริยปริเยสนา ) คือการแสวงหาทางที่จะทำให้พ้นจากความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความโศกร่ำไรรำพัน นั่นคือแสวงหาหนทางแห่งการหลุดพ้นจากทุกข์


ลำดับขั้นที่นำไปสู่การแสวงหาตามนัยยะ สังยุตตนิกาย สนิทานสูตร คือ

1. ธาตุ ความหมายรู้ในกาม บังเกิดขึ้นเพราะอาศัยกามธาตุ 

2. สัญญา ความดำริในกามบังเกิดขึ้นเพราะอาศัยความหมายรู้ในกาม

3. สังกัปปะ ความพอใจในกามบังเกิดขึ้นเพราะอาศัยความดำริในกาม

4. ฉันทะ ความเร่าร้อนเพราะกามบังเกิดขึ้นเพราะอาศัยความพอใจในกาม

5.ปริราหะ การแสวงหากามบังเกิดขึ้นเพราะอาศัยความเร่าร้อน

6. แสวงหา เมื่อแสวงหากาม ย่อมปฏิบัติผิดโดย ฐานะ 3 คือ กาย วาจา ใจ

ทางอกุศลเกิดขึ้นอย่างไรในทางกุศลก็เกิดขึ้นอย่างนั้นเช่นกัน


Tstamp

[00:01] เจริญอานาปานสติ
[13:56] ดวงตา 3 ประเภท (คนตาบอด, คนมีตาข้างเดียว, คนมีตา 2 ข้าง) แยกบุคคลได้ 4 จำพวก
[30:34] การแสวงหา 2 อย่าง คือ การแสวงหาที่ประเสริฐและการแสวงหาที่ไม่ประเสริฐ
[36:24] การแสวงหาตามนัยยะ สังยุตตนิกาย สนิทานสูตร
[42:50] 1.ธาตุ 2.สัญญา 3.สังกัปปะ 4.ฉันทะ 5.ปริราหะ และ 6. แสวงหา