Q: ตักบาตรให้สามี เขาจะได้รับบุญหรือไม่
A: มีส่วนที่ได้แน่นอน การให้ทานเป็นสิ่งดีควรทำ ไม่ควรเว้น

Q: ต้องกรวดน้ำหรือไม่
A: ไม่จำเป็น เป็นธรรมเนียมที่รับมาจากอินเดีย ดั่งปรากฏพระเวสสันดรรดน้ำยกช้างให้พราหมณ์ คือ ทานนั้นให้แล้วไม่เอาคืน ที่สำคัญ คือ ต้องมีบุญจากการให้ทาน น้ำมีหรือไม่ไม่สำคัญ

Q: อานาปานสติในปฏิสัมภิทามรรคเจริญอย่างไร
A: การพัฒนาจิตควรทำเป็นเรื่องดี แนะนำว่าอย่าบังคับลม ทำให้ได้ตลอดเวลา ศึกษาให้ยิ่งขึ้นไป และไม่ยึดติดในเครื่องมือ

Q: ในสถานการณ์ที่แตกต่างสติ และปัญญาใช้เมื่อไหร่
A: ต้องกลับมาที่นิยามของพระพุทธเจ้า สติ คือ การระลึกได้ ในบางครั้งอาจมีการลืมไป เช่น ขับรถเลยบ้าน นั่นไม่ใช่ว่าเผลอสติ ในลักษณะจิตใจไม่มั่นคง แต่ในเรื่องการงานมันผิดพลาดได้ หรือในบางคนก็มีมิจฉาสติ ส่วนปัญญา คือ การเห็นความเกิดขึ้นความดับไป เห็นความไม่เที่ยง ปัญญาไม่ใช่ทักษะ แต่เป็นความรู้ในการชำแรกกิเลส จากมรรค 8 ย่อมาเป็น ศีล สมาธิ ปัญญา สมถะวิปัสสนา สติปัฏฐาน 4 ในสัมมาสติย่อมมีปัญญาอยู่เสมอ

Q: สัมปชัญญะส่งเสริมให้มีสติใช่หรือไม่
A: มีส่วน พระพุทธเจ้าบอกว่าพึงมีสติอยู่อย่างมีสัมปชัญญะ ให้ทำข้อปฏิบัติทางกายแล้วส่งผลมาที่ใจ ข้อปฏิบัติทางกาย เช่น มีศีลที่เป็นไปเพื่อสมาธิ การหลีกเร้น การสำรวมอินทรีย์ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะทำให้สมาธิดี สติมาก่อนสมาธิ และหลังจากศีล

Q: กามในศีลข้อ 3 คืออะไร
A: ศีล 5 ทั้งหมดเป็นเรื่องของกามทั่ว ๆ ไป กามที่อยู่ในใจจะบีบบังคับให้ประพฤติผิด ศีลจะช่วยรักษากายวาจาได้ กามข้อที่ 3 เป็นเรื่องของการทำผิดจารีตในรูปแบบต่าง ๆ ณ สมัยนั้น ๆ