การที่เราจะเข้าถึงธรรมะได้ต้องรู้จักการปฏิบัติ ตอนนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีที่คำสอนยังคงดำรงอยู่ มีโอกาสให้ได้ยินได้ฟังธรรมกัน จึงควรน้อมนำธรรมะนั้นมาปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม แล้วเราจะเป็นผู้ที่ได้รับผลของธรรมนั้น…ได้ยกเรื่องราว 4 เรื่องเข้ามาประกอบการอธิบายเพื่อความเข้าใจที่กว้างขว้างมากยิ่งขึ้น

“จงอย่าได้ทำตัวเหมือนทัพพีที่ไม่รู้รสแกง” พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ในเรื่องราวของ พระอุทายี ว่า “คนพาล เข้าไปนั่งใกล้บัณฑิตอยู่ แม้จนตลอดชีวิต เขาย่อมไม่รู้ธรรม” 

นอกจากนี้ในเรื่องของการปฏิบัติ ให้เราเป็นผู้ที่บอกง่าย ไม่ผูกโกรธ และมีความเพียรในการปฏิบัติ ได้ยกเรื่องของพระติสสะและภิกษุ 2 สหาย ที่ภิกษุรูปหนึ่งไม่ปฏิบัติ ส่วนอีกรูปมีความเพียรในการปฏิบัติ พูดมากแต่ไม่ปฏิบัติก็ไร้ประโยชน์

“หากว่า นรชนกล่าวพระพุทธพจน์อันมีประโยชน์เกื้อกูลแม้มาก แต่เป็นผู้ประมาทแล้วไม่ทำตาม พระพุทธพจน์นั้นไซร้, เขาย่อมไม่เป็นผู้มีส่วนแห่งสามัญผล เหมือนคนเลี้ยงโคนับโคทั้งหลายของชนเหล่าอื่น ย่อมเป็นผู้ไม่มีส่วนแห่งปัญจโครสฉะนั้น, หากว่า นรชนกล่าวพระพุทธพจน์อันมีประโยชน์เกื้อกูล แม้น้อย แต่เป็นผู้มีปกติประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรมไซร้, เขาละราคะ โทสะ และโมหะแล้ว รู้ชอบ มีจิตหลุดพ้นดีแล้ว หมดความยึดถือในโลกนี้หรือในโลกหน้า, เขาย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งสามัญผล”…เรื่องภิกษุ 2 สหาย

และในเรื่องสุดท้าย พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า “ผู้มีปกติประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรมไซร้ เขาละราคะ โทสะ และโมหะแล้ว รู้ชอบ มีจิตหลุดพ้นดีแล้ว หมดความยึดถือในโลกนี้หรือในโลกหน้า เขาย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งสามัญผล” ปรารภเรื่องของพระธรรมทินนาเถรี ซึ่งเป็นผู้ที่ตั้งใจกระทำความเพียรจนบรรลุเป็นพระอรหันต์ และได้รับยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะในฝ่ายผู้เป็นธรรมกถึก