เมตตาคือหนักแน่นในความดี จะละพยาบาทได้, ความกรุณาที่ถูกต้อง จะละความเบียดเบียนได้, มุทิตาที่แยบคาย ไม่ใช่มุทิตาที่ไร้เดียงสา จะละอิจฉาได้, อุเบกขาที่ถ้าเราเจริญทำให้มากแล้ว จะทำให้ละความประมาทได้ จะทำให้เกิดความเจริญขึ้นของสติและสัมปชัญญะ 

พระพุทธเจ้าตรัสบอกไว้ในเนื้อหาเรื่องราวตรงนี้ว่า พึงมีจิตประกอบไปด้วยความเมตตา คือความปรารถนาให้สัตว์อื่น ๆ มีความสุข, มีจิตประกอบไปไว้ด้วยกับกรุณา คือความปรารถนาให้เขาพ้นจากความทุกข์, ตั้งจิตเอาไว้ประกอบไปด้วยกับมุทิตา คือความยินดีพอใจด้วยในความสุขหรือความสำเร็จอย่างใดอย่างหนึ่งที่บุคคลนั้น ๆ สัตว์เหล่านั้นมีขึ้นเกิดขึ้น แล้วก็มีจิตตั้งเอาไว้ด้วยคุณธรรมที่ชื่อว่าอุเบกขา คือความวางเฉย ทั้ง 4 อย่างนี้ เราเรียกรวมใช้หัวข้อว่า “พรหมวิหารสี่” 

ในหัวข้อพรหมวิหาร 4  เราต้องอย่าไปไร้เดียงสาดูแค่เฉพาะตามหัวข้อ แต่ต้องดูถึงการใช้งาน ดูถึงการที่เราจะนำมาปรับปรุงอย่างไรให้มีกุศลธรรมเกิดขึ้นในจิตของเรา ให้มีความรัดกุมแยบคายรอบคอบ ไม่หละหลวม ให้ใช้ด้วยกัน เป็นธรรมะที่มาในหมวดเดียวกัน เวลาพระพุทธเจ้าพูดถึงเมตตา ถ้าไม่ได้ล่าวถึงกรุณา มุทิตา อุเบกขา ก็ให้เข้าใจว่าโดยส่วนใหญ่ท่านจะพูดยกทั้งสี่อย่างนี้มาด้วยกัน