00:00
1X
Sorry, no results.
Please try another keyword
- 2 จิตตวิเวกปฏิบัติภาวนา ด้วยการเจริญอานาปานสติ มีสติอยู่กับลมหายใจ จนจิตสงบระงับเพื่อสังเกตเห็นผัสสะที่เข้ามา เห็นการเปลี่ยนแปลงของจิตที่มีเวทนาสุข ทุกข์ ไม่สุข-ไม่ทุกข์ เพื่อให้เข้าถึงปัญญาว่า ผัสสะที่เข้ามากระทบนั้นไม่เที่ยง ผ่านทางกายที่ไม่เที่ยง เวทนาที่เกิดขึ้นในจิตนั้นจึงไม่เที่ยง เกิดวิชชาขึ้นทันที เห็นความดับไปของอวิชชา ลดการสั่งสมของอวิชชาอาสวะออกจากจิตเรา พอสั่งสมไม่ได้ อวิชชาอาสวะก็ค่อยๆ หลุดออกไป ดังนั้นหากเราเข้าใจถูก มันจะไม่เกิดสภาวะแห่งการสั่งสมของอวิชชา มันก็ดับลงไปได้เองนั่นแล แต่หากผัสสะที่เข้ามากระทบเป็นเหตุเป็นปัจจัยเกิดเวทนาที่ช่องทางใจ มันก็จะสั่งสมเป็นอาสวะอยู่ที่จิต เกิดเป็นความพอใจ เกิดตัณหา เกิดกามสวะ เกิดความไม่อยากได้ ก็เกิดการสะสมภพ เกิดภวาสวะ เกิดความไม่รู้ ไม่เข้าใจในผัสสะเวทนานั้น มันก็จะเข้าไปสะสมในจิตเกิดอวิชชาสวะ สภาวะแห่งการสะสมก็คือ จิตมีความไม่รู้ไม่เข้าใจ สั่งสมสิ่งที่เป็นกาม ภพ อวิชชา ต่อไปๆ พระพุทธเจ้าทรงเทศนาเรื่องเวทนา ทรงโปรดปริพาชกชื่ออัคคิเวสสนะ พระสารีบุตรนั่งถวายงานพัดอยู่ ณ เบื้องพระปฤษฎางค์ของพระพุทธองค์ ได้ฟังเทศนานั้น ท่านฟังด้วยจิตที่เป็นสมาธิ ด้วยปัญญาที่มีมากของพระสารีบุตร ท่านฟังนัยยะที่พระพุทธเจ้าทรงเทศนาเรื่องเวทนา ท่านสามารถแยกแยะ แตกฉาน ท่านเห็นในสมาธิกว้างขวางออกไปได้ถึง 16 อย่าง และลึกลงไปในรายละเอียดได้ถึง 7 อย่าง ในแต่ละชั้นฌานสมาธิ[...]