00:00
1X
Sorry, no results.
Please try another keyword
- 7 ตามใจท่าน (ธรรมะสากัจฉา)พระพุทธเจ้าตรัสเปรียบกิเลสว่าคือ “มารผู้ล้างผลาญความดี” ทำให้ความดีของเราไปต่อไม่ได้ เพราะฉะนั้นให้มีความมั่นใจลงใจในคำสอนของพระพุทธเจ้า เราจะสามารถก้าวต่อไปทำความดีต่อไปได้ เพราะเหตุใดเราต้องพิจารณาความไม่เที่ยง ให้เห็นว่าไม่เป็นเรา – ของเรา แล้วการพิจารณาแบบนี้มีความเกี่ยวโยง กันอย่างไร แล้วต้องพิจารณาแยกแยะจนไปสุดที่ตรงไหน? อนัตตา คือ คุณสมบัติของสิ่งต่างิๆ ที่ต้องอาศัยเหตุปัจจัยเกิดขึ้น โดยไม่สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยตัวของมันเอง มันจึงมีความไม่เที่ยง มีความเป็นทุกข์ ฉะนั้นเราไม่ควรยึดถือว่าเป็นตัวเราของเรา พระพุทธเจ้าตรัสว่า ความอยากเป็นทุกข์ เพราะมีความอยากเป็นการยึดถือว่าเป็นตัวเราของเรา การมีตัวเราของเราก็เพราะอุปาทาน … ซึ่งอุปทานเกิดในขันธ์ 5 เท่านั้น จิตที่มีราคะ โทสะ โมหะ คือ อาการที่ขันธ์ 5 เขากระทำต่อกันเรียบร้อยแล้ว ผลออกมาเป็นราคะ โทสะ โมหะใช่หรือไม่ ? แล้วขันธ์แต่ละตัวมีราคะ โทสะ โมหะได้หรือไม่? จิตที่หลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลาย หมายถึงจิตที่ปล่อยวางจากอุปทานขันธ์ทั้ง 5 ใช่หรือไม่? พระพุทธเจ้าบอกว่า ความอยากเป็นเหตุของความทุกข์ เพราะพอมีความอยากจึงมีความยึดถือว่านี่เป็นตัวเราของเรา ความที่ว่าเป็นตัวเราของเรา เป็นผลของความยึดถือคืออุปาทาน ที่มีเหตุมาจากตัณหา เพราะมีตัณหาจึงมีอุปาทาน เพราะมีอุปาทาน จึงมีความรู้สึกเป็นตัวเราของเราขึ้นมา[...]