“บุคคลที่มีจิตเมตตาเป็นอาวุธ ด้ามจับต้องมั่นคง เปรียบกับคุณธรรมของเราที่ต้องมีไว้ และต้องมีความคมแหลมของอาวุธ จึงฝ่าฟันอุปสรรคใด ๆ ไปได้ ซึ่งจะไม่ได้ด้วยการเกลียดชัง จะไม่ได้ด้วยการผูกเวร แต่จะได้ด้วยเมตตา”

ในเอพิโสดนี้ เริ่มการปฏิบัติทำจิตให้เป็นสมาธิด้วยการเจริญอานาปานสติ และเมื่อจิตเป็นสมาธิแล้ว ก็ให้ตั้งจิตไว้ด้วยกับเมตตา จึงได้ยก “เมตตสูตร” ขึ้น ซึ่งพระสูตรกล่าวถึงการที่พระพุทธเจ้าทรงประทานอาวุธคือเมตตา มีเมตตาเป็นอาวุธ ประทานให้แก่เหล่าภิกษุผู้ปรารภวิปัสสนาได้ใช้สาธยายให้กับเหล่าเทวดาด้วยจิตที่มีเมตตาทั้งกาย วาจา และใจ ประกอบกัน  โดยแบ่งวิธีการที่จะใช้อาวุธให้ได้ผลออกเป็น 2 ส่วน

ในส่วนแรกคือ การเตรียมตัวเองทั้งกายและใจให้มีคุณสมบัติหรือคุณธรรมเหล่านี้ ซึ่งเปรียบไว้กับด้ามมีด เช่น ความสันโดษ ความไม่เย่อหยิ่ง ไม่ทำในสิ่งที่วิญญูชนตำหนิติเตียน เป็นต้น

ส่วนที่ 2 เปรียบความแหลมคมของอาวุธคือ การแผ่เมตตา ให้แผ่เมตตาออกไปอย่างไม่มีประมาณ ในสัตว์ทั้งหลายเสมอหน้ากัน ไม่เว้นใคร ๆ หรือผู้ใด ให้แผ่ออกไปในทุกทิศทาง ทำได้ในทุกอิริยาบท จะได้ชื่อว่า “เป็นการอยู่อย่างประเสริฐ เป็นพรหมวิหาร “

จิตที่ประกอบด้วยเมตตาอย่างนี้ จะสามารถละมิจฉาทิฏฐิได้ มีสัมมาทิฏฐิ เป็นองค์นำ ความครบทั้งมวลของมรรค 8 ก็ตามมา สามารถปฏิบัติทำได้จนถึงนิพพาน และในสถานการณ์ที่น่าหวาดหวั่นเช่นในปัจจุบันนี้ เราจะผ่านไปได้ ก็ด้วยเมตตา

แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: สมการชีวิต S02E28