พละ หมายถึง กำลังในการบรรลุธรรม กำลังในความก้าวหน้าในคำสอนนี้ เสขะ คือ ผู้ที่ยังต้องศึกษาอยู่ทำความเพียรอยู่ เปรียบเหมือนเด็กที่ต้องค่อยพัฒนาไป เสขพละมี 5 ประการดังนี้ ศรัทธา: คือ ความมั่นใจในพระพุทธเจ้า ในพระธรรม ในพระสงฆ์ จะเป็นสิ่งที่ทำให้เราอดทนมีกำลังใจปฏิบัติต่อไปได้ หิริ: คือ ความละอายต่อบาป เกิดจากข้างในตนเอง โอตัปปะ: คือ ความเกรงกลัวต่อบาป เป็นการปรารภคนอื่นให้สะดุ้งกลัว วิริยะ: คือ ความเพียร ความกล้าในการเอาอกุศลธรรมออกไป นำกุศลธรรมเข้ามา มีความบากบั่น มีกำลังใจในการที่จะทำ ปัญญา: ปัญญาไม่ได้หมายถึงความจำ แต่เป็นปัญญาในการชำแรกกิเลสให้สิ้นไป บุคคลใดก็ตามที่ไม่มีคุณธรรมทั้ง 5 นี้จะมีความเดือดร้อนรุ่มร้อน เพราะเป็นการเปิดทางให้อกุศลธรรมเข้ามาจนนำพาไปนรกได้ ส่วนบุคคลใดที่มีแล้วแต่ยังไม่ได้สติสมาธิแต่ยังมีความอดทนอยู่ในธรรมวินัยนี้ได้แม้น้ำตานองหน้าอยู่ นั่นคือ ดีแล้ว ตรงนี้จึงเป็นข้อสังเกตุที่ว่าในหมวดนี้สติสมาธิหายไปไหน ในข้อที่ 7 พระพุทธเจ้าเปรียบเสขพละดุจพี่เลี้ยงเด็ก ที่จะคอยประคบประหงมจนถึงวัยที่รู้ความปลอดภัย ในข้อที่ 8, 9 และ 10 เปรียบเทียบส่วนต่างระหว่างความไม่มีกับมีคุณธรรม 5 ข้อนี้ ข้อที่ 8 พูดถึงความเคลื่อนหรือไม่เคลื่อนในพระสัทธรรม ข้อที่ 9 เพิ่มความเคารพยำเกรงจะหมดไปหรือคงอยู่ ข้อที่ 10 เพิ่มความไม่เจริญงอกงามไม่ไพบูลย์ในธรรมวินัยนี้

(พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๒ – ๑ สุตตันตปิฎกที่ ๑๔ อังคุตตรนิกาย ปัญจก ฉักกนิบาต :เสขพลวรรค ข้อที่ ๑ – ๑๐)