การเกิดขึ้นเป็นชีวิตใดชีวิตหนึ่ง มีมารดาบิดาเป็นแดนเกิด ดูแล ชุบเลี้ยงและบำรุงด้วยข้าวปลาอาหาร ประกอบกันเป็นธาตุสี่ที่เป็นดิน น้ำ ไฟ ลม การรับรู้ที่เป็นวิญญาณจากช่องทางของอายตนะทั้งหก การปรุงแต่งที่เป็นกรรมต่างๆ หากนำทั้งหมดมาประกอบกันเข้าก็จะเห็นว่าผลเป็นตัวเรา แต่ถ้าเรานำไปแยกแยะออกก็จะพบว่าหาตัวตนนั้นไม่เจอเลย

เมื่อเห็นเหตุต้นผลปลายดังนี้แล้ว ย่อมจะมองเห็นความเป็นอนัตตาได้ชัดเจน เพราะเป็นเพียงชั่วเวลาขณะใดขณะหนึ่งที่มีเหตุปัจจัยประกอบกันได้ เข้ากันได้ ทำให้เกิดขึ้นได้ เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา จึงไม่ควรยึดถือว่าเป็นตัวเราของเรา

ในที่สุดแล้วเราจะพบว่าสิ่งที่เหลือไว้จริงๆ มีเพียงชื่อ ความดีความชั่วที่ได้กระทำ ดังนั้นเราจึงควรวางความยึดถือในกาย ในจิต ในทุกข์เหล่านั้น จะทำให้ความกำหนัดยินดีพอใจต่างๆ จางคลายลงได้ เกิดเป็นปัญญาความเข้าใจในการปล่อยวาง ตัดความยึดถือในตัวตนได้โดยอัตโนมัติ