Q: เมื่อป่วยหนักควรวางจิตอย่างไรกับทุกขเวทนาA: เป็นภัยที่ต้องเจอแน่นอน เมื่อเจอแล้วจะทำอย่างไรให้ยังเป็นผู้ที่ผาสุกอยู่ได้ หลักการก็คือ กายกับจิตเป็นคนละอย่างกัน จิตมายึดกายโดยความเป็นตัวตน แต่จิตก็ไม่ใช่ว่าท่องเที่ยวไป จิตนี้มีเกิดมีดับตลอดเวลา มันจึงเข้าไปยึดถือได้หมด มองเห็นความจริงนี้ว่า จิตเองก็ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย จะแยกกายออกจากจิตได้ จะเห็นตรงนี้ต้องมีกระบวนการไล่ลงไป คือ จิตต้องเป็นสมาธิ มีสติ มีความเพียร มีศีล มีศรัทธา เมื่อแยกได้แล้วจะเหมือนโดนลูกศรเพียงดอกเดียว จิตจะไม่ก้าวลงในอารมณ์ เจ็บกายไม่เจ็บใจ จะผ่านไปได้ แต่ถ้าไม่เคยฝึกมาก่อน อย่าตกใจ แล้วให้ระลึกถึงศรัทธาที่หยั่งลงมั่นในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์พร้อมกับศีลที่ไม่ขาดไม่พร้อย นั่นคือ โสตาปัตติยังคะ 4 ที่จะใช้เป็นเครื่องมือให้เกิดสติ เมื่อมีสติสมาธิจะมาเป็นช่วง ๆ ถ้าช่วงที่มีทุกขเวทนามาก อาจจะยังทำไม่ได้ แต่ให้ระลึกไว้ว่าช่องทางย่อมมีเสมอ บางครั้งที่สบายสมาธิจะเกิดได้ ให้เห็นว่ากายนี้ไม่เที่ยง ไม่เที่ยงแม้ในสุขเวทนาหรือทุกขเวทนานั้น ๆ ตั้งสติไว้ไม่เพลินไปในเวทนา น้อมมาอย่างนี้จะเกิดปัญญา สุขทุกข์ก็ไม่เอา เป็นอิสระจากตัณหาได้ คนที่เคยฝึกมาอย่างดีเขาจะสามารถแยกจิตออกจากกายแม้ในขณะมีทุกขเวทนานั้นได้เลยทีเดียว เป็นเรื่องของทักษะไม่ว่าจะเป็นแบบสุขา/ทุกขาปฏิปทา ในเรื่องการวางจิตสุดท้าย ควรรักษาไว้ตลอดเวลาแม้ยังไม่ได้ป่วย เพื่อที่ว่าเมื่อเวลานั้นมาถึงไม่เดือดร้อนใจในภายหลัง ใช้สถานกราณ์เป็นเครื่องบ่มให้จิตเกิดผลเป็นอริยะ

Q: ศีลข้อมุสากับการค้า และทำอย่างไรไม่ให้ถูกหลอกA: ศีลควรรักษา ศีลรักษาได้แล้วศีลนั้นจะรักษาเราให้เจริญยิ่งขึ้นไป การถูกหลอกหรือไม่ขึ้นอยู่กับจิตที่มีราคะโทสะโมหะในจิตใจของเราเอง เปลี่ยนได้ทีตัวเรา