“ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานาปานสติ อันภิกษุเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก ภิกษุที่เจริญอานาปานสติแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมบำเพ็ญสติปัฏฐาน ๔ ให้บริบูรณ์ได้ ภิกษุที่เจริญสติปัฏฐาน ๔ แล้ว ทำให้มากแล้วย่อมบำเพ็ญโพชฌงค์ ๗ ให้บริบูรณ์ได้ ภิกษุที่เจริญโพชฌงค์ ๗ แล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมบำเพ็ญวิชชาและวิมุตติให้บริบูรณ์ได้ ฯ”

นี้เป็นบางส่วนจาก อานาปานสติสูตร ปรารภในคืนวันอุโบสถ ณ ปราสาทของอุบาสิกาวิสาขามิคารมารดา ในพระวิหารบุพพาราม เมืองสาวัตถี ภิกษุทั้งหลายทั้งที่เป็นพระอรหันต์ พระอนาคามี พระสกิคาทามี พระโสดาบัน และภิกษุผู้ที่ประกอบความเพียรในการเจริญสติปัฏฐาน 4 สัมมัปปธาน 4 อิทธิบาท 4 อินทรีย์ 5 พละ 5 โพชฌงค์ 7 มรรคมีองค์ 8 อันประเสริฐ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา อสุภสัญญา อนิจจสัญญา อานาปานสติ ต่างนั่งห้อมล้อมพระพุทธเจ้าด้วยความนิ่งเงียบ ดำรงตนอยู่ในสารธรรมอันบริสุทธิ์

และเพราะพระพุทธองค์ทรงมีความอนุเคราะห์ด้วยใจอันงามแก่เหล่าภิกษุผู้ทำความเพียรอยู่ ณ ที่นั้น แต่ก็ยังไม่สามารถบรรลุธรรมได้ จึงตรัสสอนถึงเรื่อง การเจริญอานาปานสติ  คือ การมีสติกำหนดรู้ลมหายใจเข้าลมหายใจออก ซึ่งการที่เรามากำหนดรู้ดูลมหายใจแล้วตั้งสติขึ้นอย่างนี้ ก็เป็นการเห็นกายในกาย เห็นเวทนาในเวทนาทั้งหลาย เห็นจิตในจิต เห็นธรรมในธรรม และจะสามารถทำโพชฌงค์ 7 (องค์ธรรมแห่งการตรัสรู้ธรรม) ให้เกิดขึ้นได้ ซึ่งถ้าทำให้ถูกให้ดีแล้ว จะสามารถทำวิชชาและวิมุตติให้เกิดขึ้นได้ด้วยเช่นกัน

แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: ตามใจท่าน S09E18