พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ใน “อาทิยสูตร” ว่าด้วยหลักการใช้โภคทรัพย์ให้เป็นประโยชน์ 5 ข้อ ดังนี้  

“ดูกรคฤหบดี ประโยชน์ที่จะพึงถือเอาแต่โภคทรัพย์ ๕ ประการนี้แล ถ้า เมื่ออริยสาวกนั้นถือเอาประโยชน์แต่โภคทรัพย์ ๕ ประการนี้ โภคทรัพย์หมดสิ้นไป อริยสาวกนั้นย่อมมีความคิดอย่างนี้ว่า เราได้ถือเอาประโยชน์แต่โภคทรัพย์นั้นแล้ว และโภคทรัพย์ของเราก็หมดสิ้นไป ด้วยเหตุนี้ อริยสาวกนั้น ย่อมไม่มีความ เดือดร้อน ถ้าเมื่ออริยสาวกนั้นถือเอาประโยชน์แต่โภคทรัพย์ ๕ ประการนี้ โภคทรัพย์เจริญขึ้น อริยสาวกนั้นย่อมมีความคิดอย่างนี้ว่า เราถือเอาประโยชน์ แต่โภคทรัพย์นี้แล้ว และโภคทรัพย์ของเราก็เจริญขึ้น อริยสาวกนั้นย่อมไม่มี ความเดือดร้อน อริยสาวกย่อมไม่มีความเดือดร้อนด้วยเหตุทั้ง ๒ ประการ ฉะนี้แล ฯ

นรชนเมื่อคำนึงถึงเหตุนี้ว่า เราได้ใช้จ่ายโภคทรัพย์เลี้ยงตน แล้ว ได้ใช้จ่ายโภคทรัพย์เลี้ยงคนที่ควรเลี้ยงแล้ว ได้ผ่านพ้น ภัยที่เกิดขึ้นแล้ว ได้ให้ทักษิณาอันมีผลสูงเลิศแล้ว ได้ทำ พลี ๕ ประการแล้ว และได้บำรุงท่านผู้มีศีล สำรวมอินทรีย์ ประพฤติพรหมจรรย์แล้วบัณฑิตผู้อยู่ครองเรือน พึงปรารถนาโภคทรัพย์เพื่อประโยชน์ใด ประโยชน์นั้นเราก็ได้บรรลุแล้ว เราได้ทำสิ่งที่ไม่ต้องเดือดร้อนแล้ว ดังนี้ชื่อว่าเป็นผู้ดำรงอยู่ในธรรมของพระอริยะ บัณฑิตทั้งหลายย่อมสรรเสริญ เขาในโลกนี้ เมื่อเขาละจากโลกนี้ไปแล้ว ย่อมบันเทิงใจใน สวรรค์ ฯ”

บุคคลจะคิดว่า ฉันต้องเหลือไว้บ้างเหลือเก็บไว้แต่ถ้าหมดแล้วแล้วใช้ให้ถูกหน้าที่ หมดนั้น ยิ่งทำให้สบายใจ เหลือไว้ตระหนี่ไว้คิดว่ามันจะไม่พอ ความไม่พอที่คุณมี ความตระหนี่นี้จะทำให้ทุกข์ใจ

แต่ถ้าหมดไปในหน้าที่ 5 อย่างนี้ คือ เลี้ยงตน บิดามารดา บุตร ภรรยา และทาสกรรมกรให้เป็นสุข, เลี้ยงมิตรสหายให้เป็นสุข, ป้องกันอันตรายที่เกิดแต่ไฟ น้ำ พระราชา โจร หรือทายาทผู้ไม่เป็นที่รัก, ทำพลีกรรม 5 อย่าง (ญาติพลี:บำรุงญาติ, อติถิพลี:ต้อนรับแขก, ปุพพเปตพลี:บำรุงญาติผู้ตายไปแล้วคือทำบุญอุทิศ กุศลให้, ราชพลี:บำรุงราชการ คือบริจาคทรัพย์ช่วยชาติ และเทวตาพลี:บำรุงเทวดา คือทำบุญอุทิศให้เทวดา) และบำเพ็ญทักษิณา (ให้ทานแก่ผู้ที่เป็นทักขิเณยยบุคคล)  การใช้ทรัพย์หมดไปแบบนี้ทำให้เกิดความสบายใจด้วยซ้ำ

และในกระบวนการนี้มันก็ทำให้มีทรัพย์เพิ่มพูนมาได้ เพราะอะไร? ทรงเปรียบไว้เหมือนสระโบกขรณี ที่ว่ามีระบบนิเวศน์ มีดอกบัว มีท่าน้ำขึ้นลง มีคนมาใช้ มีคนดูแล ก็เกิดประโยชน์ขึ้นมา ที่ตัวสระเองก็มีระบบนิเวศน์วนไป คนอื่นมาใช้งานก็ได้ประโยชน์ จากการใช้งานความเพิ่มพูนความดีก็มีมากขึ้นเป็นบุญด้วย บุญสร้างบุญ  บุญต่อบุญ ก็เป็นบุญขึ้นมา ไม่มีความร้อนใจทั้งสองอย่าง เพราะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับอธรรมเลย อบายมุขไม่มี เล่นหวยไม่มี เล่นเบอร์ไม่มี น้ำเมา ยาเสพติด นักเลง เจ้าชู้ไม่มีเลย พอไม่มีแล้ว “หมด” สบายใจกว่า สบายใจกว่ามีมาก ๆ แล้วไปยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขนั้นยิ่งจะมีความทุกข์ใจ

แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: เข้าใจทำ (ธรรม) Ep.59, สมการชีวิต Ep.26, ใต้ร่มโพธิบท Ep.53 , Ep.67, ตามใจท่าน Ep.09