สิ่งที่เราต้องทำเพื่อให้หาจิตเจอ…เพื่อทำความนุ่มนวลอ่อนเหมาะ ทำความเย็นให้เกิดขึ้นที่จิตของเรานั้นต้องมีสัมมาสติ เริ่มด้วยการมาระลึกถึงพุทโธ ๆ ไว้ในใจ เรามาระลึกอยู่กับพุทโธแล้ว นั่นคือเรามีสติแล้ว สติอยู่ที่ไหนจิตเราก็อยู่แถว ๆ นั้น เพราะจิตจะตั้งไว้ได้ด้วยสติ…สติ จิต พุทโธจึงตั้งอยู่ด้วยกัน

จิตไม่ได้อยู่ที่การรับรู้ แต่อยู่ตรงที่ว่าเราเอาใจจดจ่อไปที่ไหน การเพ่งจดจ่อเป็นอารมณ์อันเดียวนั่นคือสัมมาสมาธิ จะทำให้จิตนุ่มนวลลง การปรุงแต่งทางกายระงับลง ๆ วจีสังขารระงับลง พุทโธหายไป เหลือแต่จิตตั้งเอาไว้กับสติ เราจะเริ่มเห็นจิต รักษาไว้ให้ดี

ให้จิตมีความรู้คือวิชชา เห็นตามความจริงถึงความไม่เที่ยงแม้ในสัมมาสมาธินั้น เกิดขึ้นได้ มีอยู่ได้ หายไปได้ดับไปได้ตามเหตุตามปัจจัย 

ขันธ์ 5 มีประโยชน์ได้ แยกแยะออกมาให้มีความชัดเจนรอบรู้ว่า มรรคนี้เกิดขึ้นในขันธ์ 5 ต้องทำให้มาก เจริญให้มาก สิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่พึ่งขึ้นมาได้ เจริญขึ้นมาได้ เจริญแล้วเอาพุทโธ ธัมโม สังโฆตั้งไว้ดู ไม่ยึดถือ แต่เอาเป็นที่พึ่งให้เกิดสติได้ เป็นที่พึ่งให้เกิดมรรค 8 ได้

จิตของเรามีอยู่คงอยู่ก็อาศัยอาสวะอวิชชา อาศัยความที่มันสืบต่อกันมา จึงตั้งอยู่ การเปลี่ยนแปลงไปได้ตามอารมณ์ที่เกิดขึ้นในขันธ์ 5 เปลี่ยนแปลงไปได้ตามตัณหาความอยากความยึดไปในลักษณะที่ให้เกิดกุศลหรืออกุศลก็ได้ สิ่งใดที่เปลี่ยนแปลงได้ ไม่เที่ยง นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา สิ่งใดที่ไม่คงตัว เดี๋ยวเป็นอย่างนี้เดี๋ยวเป็นอย่างอื่น เราอย่าไปเห็นว่าสิ่งนั้นมันเป็นตัวตนของเรา มันเป็น 

“เนตังมะมะ เนโสหะมัสมิ นะ เมโส อัตตา”

ให้เราวาง คลายความยึดถือ ละที่จะเห็นว่าสิ่งนั้นเป็นตัวเราของเรา ถ้าวางแล้วจะเหลืออะไร…เหลือสติ ที่ตั้งไว้กับด้วยจิตที่มีความบริสุทธิ์ด้วยอำนาจของมรรค เป็นจิตที่ดับเย็นลง นั่นคือนิพพาน