“ถ้าบทและพยัญชนะเหล่านั้น สอบลงในสูตรก็ได้ เทียบเข้าในวินัยก็ได้ พึงลงสันนิษฐานว่า นี้เป็นดำรัสของพระผู้มีพระภาคเจ้า” มหาปเทสสูตร

ราหุลสูตรชี้ให้เห็นความเหมือนกันของธาตุทั้ง 4 ที่อยู่ในภายในและภายนอก ต่างกันตรงที่ในภายในมีความยึดถือมาถือเอา และมีความเป็นอินทรีย์ที่มีชีวิต ควรพิจารณาด้วยปัญญาว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ชัมพาลีสูตรเป็นการจับคู่ความดับไม่เหลือของทุกข์ได้/ไม่ได้ กับการทำลายตัณหาอวิชชาได้/ไม่ได้ โดยเปรียบว่ามือเปื้อนยางเหมือนจิตที่มีตัณหา และเปรียบบ่อที่ปิดทางออกเปิดทางเข้าวันนึงย่อมเต็มได้ทำลายตัณหาได้ นิพพานสูตรเหตุที่ทำให้บุคคลไม่ลุนิพพาน คือ ไม่ทราบชัดฝ่ายเสื่อม=สมุทัย ไม่ทราบชัดฝ่ายดำรง=ทุกข์ ไม่ทราบชัดฝ่ายวิเศษ=มรรค ไม่ทราบชัดฝ่ายชำแรกกิเลส=นิโรธ ในมหาปเทสสูตรเมื่อมีคนสี่จำพวกกล่าวว่านี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำของพระพุทธเจ้า ให้กำหนดเนื้อความให้ดีว่าลงกันได้โดยบทโดยอรรถะหรือไม่ ถ้าไม่ได้ให้ทำตามในกินติสูตร ตรวจสอบไม่ใช่หาที่ผิด แต่หาที่ถูกที่เราจะรับมาปฏิบัติทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ จบสัญเจตนิยวรรค

เริ่มโยธาชีววรรค โยธาชีวสูตรสิ่งที่นักรบควรมี ฉลาดในฐานะ คือ มีศีล ยิงลูกศรได้ไกล คือ การเห็นอนัตตาในขันธ์ 5 ยิงไม่พลาด คือ รู้อริยสัจ 4 ทำลายกายขนาดใหญ่ได้ คือ ทำลายกองอวิชชาที่คลุมอยู่ได้ ปาฏิโภคสูตรใครก็ไม่สามารถก้าวข้ามเกิดแก่เจ็บตายไปได้ นอกจากผู้ที่เป็นอมตะ 

(สัญเจตนิยสูตร ข้อที่ 177 – 180 และโยธาชีววรรค ข้อที่ 181 – 182)