ขุดเพชรจากพระไตรปิฎก สุทัตตอนาถบิณฑิกเศรษฐี (พระไตรปิฎกเล่มที่ 20 พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ 12: อังคุตตรนิกาย เอกกนิบาต เอตทัคควรรค ข้อที่ 249)
ประวัติความเป็นมาและบุพกรรมในชาติก่อน การบรรลุธรรม และความเป็นเอตทัคคะ 

สุทัตตอนาถบิณฑิกเศรษฐี เอตทัคคะเป็นผู้เลิศกว่าอุบาสกทั้งหลายในฝ่ายผู้ให้ทาน (ทายก)

สุทัตตะ เกิดในตระกูลสุมนเศรษฐีในกรุงสาวัตถี แคว้นโกศล เป็นผู้ยินดียิ่งในการให้ทาน เป็นทานบดีจึงได้ชื่อใหม่เรียกกันว่า อนาถบิณฑิกเศรษฐี (ผู้ให้ก้อนข้าวแก่คนอนาถา) สุทัตตะเมื่อได้ยินชื่อของพระพุทธเจ้าเป็นครั้งแรกจากเศรษฐีน้องเขย ก็รีบเข้าเฝ้าฯ ฟังธรรม พระพุทธองค์ได้ทรงแสดง “อนุปุพพิกถา” แก่เศรษฐีเป็นการวางพื้นฐาน แล้วจึงแสดง “อริยสัจสี่” ต่อจนจบ อนาถบิณฑิกเศรษฐีจึงบรรลุโสดาบัน และ*ประกาศตนเป็นอุบาสกผู้ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะตลอดชีวิต ได้ถวายมหาทานแล้วกราบอาราธนาพระพุทธเจ้าไปกรุงสาวัตถี ระหว่างการเดินทางกลับนั้นก็สละทรัพย์จำนวนมากพร้อมทั้งชักชวนชาวบ้านสร้างวิหารระหว่างทางทุกหนึ่งโยชน์ ได้ซื้อที่ดินจากเจ้าเชตกุมารราคาเท่าทรัพย์ที่ปูลงในแผ่นดินนั้นสร้างเป็นวัดพระเชตวันถวายพระสงฆ์ซึ่งมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน พระพุทธเจ้าประทับจำพรรษาอยู่วัดนี้ถึง 19 พรรษา

*“ข้าพระพุทธเจ้านี้ ขอถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ว่าเป็นสรณะ  ขอพระองค์ทรงจำข้าพระพุทธเจ้าว่าเป็นอุบาสกผู้มอบชีวิตถึงสรณะจำเดิมแต่วันนี้เป็นต้นไป”

ด้วยความที่เป็นผู้ยินดียิ่งในการให้ทาน เมื่อจะไปสำนักของพระพุทธเจ้าก็ไม่เคยไปมือเปล่า จะมีอาหารของขบฉันตามกาลไปด้วยเสมอ หากไม่ก็ให้คนนำทรายไปเกลี่ยลงที่บริเวณคันธกุฎี และเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าวันละ 2 ครั้ง **ระหว่างที่เข้าเฝ้าก็ไม่เคยถามปัญหากับพระพุทธเจ้าด้วยเกรงพระองค์จะเหน็ดเหนื่อย ท่านมีจิตคิดให้ทาน ไม่ทำบาป ทำแต่บุญไว้ตลอด แม้ว่าต่อมาจะยากจนลง ถูกมิจฉาเทวดาขัดขวางการทำบุญ ครั้นต่อมาก็มีทรัพย์กลับเป็นเศรษฐีเหมือนเดิม มีเหตุการณ์เกี่ยวเนื่องกับเศรษฐีมากมาย เช่น มีพราหมณ์จะมาขโมยสิริจากเรือน เหตุการณ์เกี่ยวกับนางทาสี  คนเลี้ยงโคเป็นเศรษฐี จ้างลูกชายไปฟังธรรม เหตุการณ์เพื่อนพ่อค้าเหล้า เหตุการณ์ลูกสาวเรียกตนว่าน้องชาย เป็นต้น  

**”เศรษฐีนี้รักเราอย่างที่ไม่ควรรัก เพราะเราได้บริจาคศีรษะ ดวงตา เนื้อ หัวใจ บุตร และภรรยาผู้เป็นที่รักเสมอด้วยชีวิตของเรา แล้วบำเพ็ญบารมีอยู่ ๔ อสงไขย แสนกัป เราบำเพ็ญเพื่อแสดงธรรมแก่ผู้อื่นเท่านั้น” 

เมื่อครั้งที่เศรษฐีป่วยหนัก ได้รับฟังธรรมจากพระสารีบุตร ว่าด้วยความแตกต่างระหว่างปุถุชนผู้ไม่ได้สดับธรรมกับเศรษฐีที่มีความเลื่อมใสมั่นคงในพระรัตนตรัย ในศีล อริยมรรคมีองค์ 8 สัมมาญาณะ และสัมมาวิมุตติ ก็ระงับทุกขเวทนาลุกขึ้นถวายอาหารได้ เมื่อป่วยอีกได้ฟังธรรมจากพระอานนท์ก็หายอีก เศรษฐีได้ฟังธรรมครั้งสุดท้ายเมื่อป่วยหนักอีกครั้ง พระสารีบุตรและพระอานนท์ได้ไปเยี่ยม แสดงธรรมว่าด้วย อายตนะภายนอก ภายใน วิญญาณ ผัสสะ เวทนา ขันธ์ อรูป เกิดปิติเป็นอันมาก หลังการตายได้ไปเกิดบนสวรรค์เป็นเทพบุตรที่มีรัศมีกายอันงดงาม

“พระเชตวันนี้มีประโยชน์อันสงฆ์ผู้แสวงบุญอยู่อาศัยแล้ว อันพระองค์ผู้เป็นธรรมราชาประทับ เป็นที่เกิดปีติแก่ข้าพระองค์ สัตว์ทั้งหลายย่อมบริสุทธิ์ด้วยธรรม ๕ อย่างนี้ คือ กรรม ๑ วิชชา ๑ ธรรม ๑ ศีล ๑ ชีวิตอุดม ๑ ไม่ใช่บริสุทธิ์ด้วยโคตร หรือด้วยทรัพย์ เพราะฉะนั้นแล บุคคลผู้เป็นบัณฑิต เมื่อเล็ง เห็นประโยชน์ของตน พึงเลือกเฟ้นธรรมโดยแยบคาย จะ บริสุทธิ์ในธรรมนั้นได้ด้วยอาการนี้ พระสารีบุตรนั้นแล ย่อม บริสุทธิ์ได้ด้วยปัญญา ด้วยศีล และด้วยความสงบ ความจริง ภิกษุผู้ถึงฝั่งแล้ว จะอย่างยิ่งก็เท่าพระสารีบุตรนี้ ฯ”

แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: สมการชีวิต Ep.26 , ใต้ร่มโพธิบท Ep.67, คลังพระสูตร Ep.65 , นิทานพรรณา Ep.44