“สักกปัญหสูตร” ว่าด้วยปัญหาของท้าวสักกะ ปรารภท้าวสักกะจอมเทพได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยปัญจสิขคันธรรมพบุตรและเหล่าเทวดาชั้นดาวดึงส์เพื่อฟังธรรมและทูลถามปัญหา ไล่เรียงมาโดยเริ่มจากเรื่องการจองเวรกัน ไปจนถึงความหลุดพ้นเพราะสิ้นตัณหา ดังนี้
เพราะมีอะไรเป็นเครื่องผูกมัดจึงยังคงมีเวร ถูกลงโทษ มีศัตรู ถูกเบียดเบียน ยังจองเวรกันอยู่
เมื่อมีอะไร อะไรจึงมี เมื่อไม่มีอะไร อะไรจึงไม่มี ในที่นี้ได้กล่าวถึง ความริษยาและความตระหนี่ อารมณ์อันเป็นที่รักและไม่เป็นที่รัก ฉันทะ และ วิตก
ปฏิบัติอย่างไร จึงจะชื่อว่าปฏิบัติตามข้อปฏิบัติอันสมควรและดำเนินไปสู่ความดับแง่ต่างแห่งปปัญจสัญญา
ปฏิบัติอย่างไร จึงจะชื่อว่าปฏิบัติเพื่อสำรวมในปาติโมกข์
ปฏิบัติอย่างไร จึงจะชื่อว่าปฏิบัติเพื่อสำรวมอินทรีย์
สมณพราหมณ์ทั้งหมด มีวาทะ มีศีล มีฉันทะ มีอัชโฌสานะ (จุดหมาย) เป็นอย่างเดียวกันหรือไม่
สมณพราหมณ์ทั้งหมด มีความสำเร็จสูงสุด มีความเกษมจากโยคะสูงสุด มีการประพฤติพรหมจรรย์ถึงที่สุด (อริยมรรคมีองค์ 8) มีที่สุดอันสูงสุด (พระนิพพาน) หรือไม่
เพราะเหตุไร สมณพราหมณ์ทั้งหมด จึงไม่มีความสำเร็จสูงสุด ไม่มีความเกษมจากโยคะสูงสุด ไม่ประพฤติพรหมจรรย์ถึงที่สุด ไม่มีที่สุดอันสูงสุด

“จอมเทพ ภิกษุทั้งหลายผู้หลุดพ้นเพราะสิ้นตัณหาเท่านั้นจึงจะมีความสำเร็จสูงสุด มีความเกษมจากโยคะสูงสุด ประพฤติพรหมจรรย์ถึงที่สุด มีที่สุดอันสูงสุด”

เมื่อพระพุทธเจ้าทรงตอบปัญหา ถอนลูกศรคือความสงสัยออกจนหมดความแคลงใจแล้ว ท้าวสักกะได้มีใจชื่นชมยินดี เกิดโสมนัส ด้วยพิจารณาเห็นถึงอำนาจประโยชน์ 6 ประการ และยังได้กล่าววาจาสุภาษิตสรรเสริญพระพุทธเจ้าอีกหลายประการ ในที่สุดได้เอามือลูบแผ่นดิน แล้วเปล่งอุทานว่า “นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส” รวม 3 ครั้ง