ถ้าเราไม่รักษาตาหูจมูกลิ้นกายและใจ จะไปในที่ ๆ ไม่ดีได้…เหล่านี้เป็นของร้อน เราต้องรู้จักรักษาป้องกันให้ดี เพราะมันเป็นเหมือนไฟ เป็นสิ่งที่มีภัยเกิดขึ้นในระหว่าง เป็นอันตรายเกิดขึ้นได้ ต้องระวังรักษาของร้อนเหล่านี้ด้วยสติ  ถ้าจิตของเราไม่มีสติ นั่นคือให้เชื้อเพลิง ทำให้การไหม้ของไฟเกิดขึ้นแล้ว แต่ถ้าเรามีสติ นั่นคือเราดึงเชื้อไฟออกไป ตั้งสติไว้ที่ลมหายใจ อย่าลืมลม

สติต้องเจริญให้มาก วิญญาณต้องกำหนดรู้ ในสิ่งเดียวกัน แต่ให้แยกแยะในการทำหน้าที่ รับรู้ตรงไหน เจริญปัญญาขึ้นตรงนั้น รับรู้ตรงไหน เจริญสติขึ้นตรงนั้น 

ถ้าไม่มีปัญญาเห็นตามความเป็นจริงในความที่เป็นของร้อนของตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ถ้าไม่มีปัญญาเห็นตามความเป็นจริงในความเป็นของร้อนของ รูป รส กลิ่น เสียง โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ ถ้าไม่มีปัญญาในการที่จะเห็นตามความเป็นจริงในวิญญาณที่เกิดจากการกระทบของมันตามช่องทางมา ถ้าไม่มีปัญญาจะไม่มีนิพพิทาญาณได้ เราจะไม่มีปัญญาได้เลยถ้าไม่ตั้งสติเอาไว้

การปล่อยวางต้องเป็นไปตามกระบวนการนี้ จึงจะชื่อว่าเป็นผู้ที่รักษาตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ การรักษาไม่ใช่ว่าไม่มอง ไม่ดู ไม่เห็น ไม่ทำอะไร หรือควักดวงตาออก นั่นไม่ใช่การรักษาที่ดี ให้รักษาด้วยสติจึงจะถูก

พอเรารักษาด้วยสติ ปัญญาก็เกิดเจริญมีมากขึ้น พอมีปัญญาก็จะมีนิพพิทา มีความหน่ายก็จะมีความคลายกำหนัด พอมีความคลายกำหนัดก็จะทำให้เกิดการปล่อยวางได้ เกิดการหลุดพ้นได้ สติจึงมีวิมุตเป็นที่แล่นไปสู่ ตั้งสติไว้ที่ลมหายใจใคร่ครวญให้ดี ตั้งสติให้มีอยู่ตลอดทั้งวัน

แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: คลังพระสูตร Ep.55