“ถ้าเหตุของความเสื่อมยังมีอยู่ ความเสื่อมก็ปรากฏ…ธรรมทั้งหลายทั้งปวงขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย เป็นอนัตตา”…พึงเจริญพุทธานุสสติระลึกถึงคุณในข้อที่เป็น “ภควา” คือ ผู้จำแนกแจกธรรม

คนที่ยังมีเหตุปัจจัยแห่งความเสื่อมอยู่ ก็จะเกิดการกลับกำเริบขึ้นได้ เช่นในเรื่องราวที่มาใน จิตตหัตถิสารปุตตสูตร พระมหาโกฏฐิตะได้ปรารภพระจิตตหัตถิสารีบุตรที่ได้พูดสอดขึ้นในระหว่างสนทนาอภิธรรม และได้กล่าวถึงว่าการที่เราไม่ทราบวาระจิตของผู้อื่น เราก็จะไม่รู้ได้ว่าจิตใจในภายในนั้นเป็นอย่างไร หรือไม่รู้แม้กระทั่งวาระจิตของตนเอง โดยได้อุปมาอุปไมยไว้อย่างล้ำเลิศถึงจิตของพระจิตตหัตถิสารีบุตรใน 6 อย่างโดยความเป็นอนัตตา ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้สึกออกไป แต่ด้วยความที่พระพุทธเจ้ามีความสามารถเห็นลึกยิ่งไปกว่านั้นว่า พระจิตตหัตถิสารีบุตรจะสามารถละตัดเหตุปัจจัยแห่งการที่จะทำให้เกิดการกำเริบนั้นได้…เหตุปัจจัยเหล่านั้นคืออวิชชา ถ้าเราไม่รู้ไม่เห็นไม่ทันมัน มันก็จะทำให้มีราคะ โทสะ โมหะเกิดขึ้นมาเบียดเบียนจิตของเราได้

ให้เรามาระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าในข้อที่ท่านเป็นผู้จำแนกแจกธรรม เป็นภควา ในความสามารถที่ทรงบัญญัติธรรมจนกระทั่งมีความยอดที่สุดคือ “ความเป็นอนัตตา”…เมื่อเห็นยอด ให้เห็นทั้งตัวทั้งฐานทั้งพื้นด้วย ได้ยินได้ฟังธรรมในเรื่องอนัตตาก็ให้เห็นความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกันทั้งหมด…ให้เอาคุณของพระพุทธเจ้ามาตั้งไว้ในดวงใจของเรา ตั้งไว้ในจิตของเรา นี้เหมือนกับพระพุทธเจ้าสถิตย์อยู่กับเรา อยู่ในใจของเรา ให้ในใจมี “พุทโธ” คำนี้หมายถึงอรหันตสัมมาสัมพุทโธ คำนี้หมายถึงเอาคุณในทุก ๆ ข้อ มีความเป็น “ภควา” เป็นที่สุด ให้อยู่ในจิตใจของเรา