ผูกโกรธ ผูกเวร ผูกอาฆาต | ถ้านึกถึงความดีไม่ได้ เห็นโทษของความไม่ดีนั้นไม่ได้ มีปัญญาไม่ได้ ความโกรธมันก็จะต่อเนื่องไป ๆ เหมือนงูกับพังพอน หมีกับไม้ตะคร้อ มนุษย์หมาป่ากับแวมไพร์ ผูกเวรกันไปเรื่อย ๆ ต่อให้มีกระบวนการยุติธรรมอย่างไรมันก็ไม่จบ ถึงจบที่ศาลที่ตำรวจได้ก็จริง แต่ว่าในใจมันไม่จบ เจ็บแล้วถ้าไม่จบ มันเจ็บฟรีนะ! ระวังให้ดี แต่ถ้าเจ็บแล้วจะจบ ให้จบลงที่ใจของเรา นึกถึงความดีของเราบ้าง ของคนอื่นบ้าง

ตั้งสติไว้ในความดี ไม่ใช่ตั้งความพอใจไว้ในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพราะนั่นเป็นเหตุปัจจัยที่จะทำให้เกิดความขัดเคืองใจ แต่ให้มาระลึกถึงความดี โดยเริ่มจากพุทโธ ธัมโม สังโฆ เป็นที่พึงที่ระลึกถึง เป็นสัมมาสติ จะเห็นโทษของความผูกโกรธนั้นได้ เห็นโทษของสังสารวัฏว่ามันเป็นธรรมดาของโลก นี่คือมีปัญญารู้ชัด มีสติมีปัญญาแล้วจะทำความไม่ผูกเวรกัน ให้อภัยซึ่งกันและกัน ทำให้มีคุณธรรมกุศลธรรมต่าง ๆ เกิดขึ้นได้

การให้อภัยจึงเป็นคนละประเด็นกับความยุติธรรม ถ้ามันจบในจิตที่ให้อภัยเขาได้แล้ว กระบวนการยุติธรรมจะมีหรือไม่มี ไม่ใช่ปัญหา 

“ก็ชนเหล่าใด เข้าไปผูกความโกรธนั้นไว้ว่า ผู้โน้นได้ด่าเรา ผู้โน้นได้ตีเรา ผู้โน้นได้ชนะเรา ผู้โน้นได้ลักสิ่งของของเราแล้ว เวรของชนเหล่านั้น ย่อมไม่ระงับได้, ส่วนชนเหล่าใด ไม่เข้าไปผูกความโกรธนั้นไว้ว่า ผู้โน้นได้ด่าเรา ผู้โน้นได้ตีเรา ผู้โน้นได้ชนะเรา  ผู้โน้นได้ลักสิ่งของของเราแล้ว เวรของชนเหล่านั้น  ย่อมระงับได้”…เรื่องพระติสสเถระ

“ในกาลไหน ๆ เวรทั้งหลายในโลกนี้ ย่อมไม่ระงับด้วยเวรเลย ก็แต่ย่อมระงับได้ด้วยความไม่มีเวร ธรรมนี้เป็นของเก่า”…เรื่องความเกิดขึ้นของนางกาลียักษิณี

แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: นิทานพรรณนา Ep.17 , Ep.38

#1u0122-1-190826