ในเอพิโสดนี้ เป็นตอนจบของมหาปรินิพพานสูตร หลังจากที่เหตุการณ์ดำเนินมาถึงสุภัททปริพาชกได้มาอ้อนวอนพระอานนท์ ขอเข้าเฝ้าฯ พระพุทธเจ้า จนสุดท้ายพระพุทธองค์ได้ทรงให้พระอานนท์อุปสมบทให้แก่ท่านสุภัททะ ภิกษุนี้ทำความเพียรไม่นานก็ได้บรรลุอรหัตตผล และได้เป็น “ปัจฉิมสักขิสาวก”  (สาวกองค์สุดท้ายผู้เป็นพยานการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า)

จากนั้นได้ตรัสสั่งเสียแก่พระอานนท์ ได้ตรัสถามข้อสงสัยจากภิกษุทั้งหลาย และกล่าวปัจฉิมวาจา ดังนี้ว่า “ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราขอเตือนเธอทั้งหลาย สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา เธอทั้งหลายจงทำหน้าที่ให้สำเร็จด้วยความไม่ประมาทเถิด นี้เป็นพระปัจฉิมวาจาของพระตถาคต” แล้วเสด็จเข้าอนุปุพพวิหารสมาบัติทั้ง 9 โดยอนุโลมและปฏิโลม และจึงเสด็จดับขันธปรินิพพานเมื่อออกจากจตุตถฌาน ณ ที่นั้น ท้าวสหัมบดีพรหมได้กล่าวคาถาขึ้นพร้อมกับการเสด็จดับขันธปรินิพพาน ต่อจากนั้น จึงเป็นเรื่องราวของการบูชาพระพุทธสรีระ การถวายพระเพลิง และการแบ่งพระบรมสารีริกธาตุให้แก่เหล่ากษัตริย์ทั้งหลาย เพื่อทำการสักการะบูชา

การระลึกถึงคุณอันยิ่งใหญ่อันหาประมาณมิได้ต่อสรรพสัตว์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระพุทธเจ้า ผู้ทรงประกอบด้วยพระปัญญาคุณ พระวิสุทธิคุณ พระมหากรุณาธิคุณ ได้ทรงบำเพ็ญเพียรสั่งสมบารมีมาเพื่อการตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูสัมพุทธเจ้า ได้ประกาศพระสัจธรรมที่ทรงตรัสรู้นั้นไว้อย่างดีแล้ว ได้ประทานพุทธโอวาทแก่พุทธบริษัทไว้ตลอด 45 พรรษา ได้ทรงตรัสไว้ว่า “ธรรมและวินัยที่เราแสดงแล้ว  บัญญัติแล้วแก่ท่านทั้งหลาย  ธรรมและวินัยนั้น จะเป็นศาสดาของท่านทั้งหลายเมื่อเราล่วงลับไป”  นี้เป็น “พุทธธานุสสติ” ระลึกถึงเรื่องราวตรงนี้ ตั้งขึ้นไว้ในใจ

แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: คลังพระสูตร S09E31