ในชีวิตหนึ่ง ๆ จะประกอบด้วยนามและรูป โดยที่นามนั้นก็คือ มีแต่ชื่อสำหรับเรียก แต่ไม่มีรูปร่างหน้าตา ที่จะให้มองเห็นได้ด้วยตา หรือได้ยินได้ด้วยหู หรือที่จะทราบได้ด้วยกลิ่นด้วยรสด้วยการถูกต้องทางกาย ซึ่งก็คือ จิตนั่นเอง ตรงกันข้ามกับรูปซึ่งประกอบด้วยธาตุสี่ จับต้องได้ เป็นสภาพที่ไม่รู้อารมณ์ และแตกดับเสื่อมสลายได้ด้วยปัจจัยที่เป็นข้าศึก

เมื่อไรก็ตามที่จิตมีอวิชชา จะทำให้เกิดอนุสัยขึ้น คือ ลักษณะที่จิตมันปักลงไป ทับถมลงไป เป็นอารมณ์คิดนึกไปแบบนี้ด้วยอวิชชา แต่เราสามารถถอนรากอวิชชาออกไปจากจิตได้ ด้วยการทำให้วิชชา คือ ความรู้ เกิดขึ้น โดยการเริ่มจากสมาธิ เพื่อทำให้จิตต้องมีความพ้น ต้องมีความเหนือจากผัสสะ ไม่ต้องวุ่นวาย หรือคิดนึกตริตรึกไปตามความคิดต่าง ๆ

พระพุทธเจ้าทรงแสดงเรื่องนามธรรมและรูปธรรมเพื่อให้เห็นว่า ไม่มีสัตว์ บุคคล มีแต่เพียงธรรมซึ่งไม่ใช่เรา เพื่อละคลาย ไถ่ถอนความเห็นผิดว่ามีสัตว์ มีบุคคล มีตัวตน มีเราเขา อันเป็นไปเพื่อละคลายกิเลส ปล่อยวาง และดับเย็นได้