การเตรียมการณ์ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมตัวแก่ก่อนแก่ หรือตายก่อนตาย จะเกิดความดีทั้งในเวลาปัจจุบัน และในเวลาต่อไป ๆ เราควรต้องเตรียมตัวในวันนี้ที่จะเข้าใจและยอมรับในทุกข์ที่เกิดจากภัยในอนาคตซึ่งเป็นเทวฑูตที่คอยมาเตือนสติเราเพื่อเป็นผู้ที่ผาสุกอยู่ได้ กล่าวคือ ไม่เป็นผู้ที่วุ่นวาย ร่ำไห้ คร่ำครวญ ทุบอกชกตัวถึงความเป็นผู้งุนงงคลั่งเพ้อ กระฟัดกระเฟียด กระด้างกระเดื่อง แสดงความโกรธ ความขัดเคือง ความไม่พอใจให้ปรากฏ ไม่สามารถดำรงจิตให้เป็นกลางได้

จิตกับกายเชื่อมกันมาด้วยอำนาจของกรรม แต่เราสามารถแยกมันออกจากกันได้ด้วยการตั้งสติเอาไว้เพื่อการแยกแยะ ไม่ให้แทรกซึมเข้าไปสู่ใจ ทำให้เกิดวิมุตติ คือ ความพ้น เห็นกันอยู่ รับรู้อยู่ แต่ไม่เกลือกกลั้วกัน เราจึงควรฝึกตายก่อนตาย ฝึกแก่ก่อนแก่ ด้วยจิตที่ตั้งขึ้นเป็นสมาธิ มีอุเบกขา มีความสงบนิ่ง แน่วแน่ ไม่หวั่นไหวกับผัสสะที่มากระทบ และแจ่มใสด้วยสติ สมาธิ และปัญญา

หากมีความเข้าใจในทุกข์มาก ความยึดถือในชีวิตจะน้อย เมื่อภัยในอนาคตเกิดขึ้นก็จะทำให้เรายอมรับได้ และทำให้ความผาสุกมีมากขึ้นด้วยเช่นกัน การตั้งสติขึ้น จะทำให้เกิดสัมปชัญญะ มีปัญญาพิจารณามองเห็นตามความเป็นจริง และยอมรับในธรรมชาติว่า “ความแก่ ความเจ็บเป็นธรรมดา ซึ่งเกิดขึ้นได้กับสิ่งที่มีความแก่และความเจ็บเป็นธรรมดา”