เจริญอานาปานสติ ตั้งสติให้ระลึกถึงลมหายใจ จิตจะค่อยๆรวมลงๆ เกิดปัสสัทธิ คือความสงบระงับเป็นอารมณ์อันเดียว เกิดเป็นสมาธิ

พระพุทธเจ้าท่านทรงเตือนเพื่อให้เราคอยตรวจตราจิตใจเรา อยู่สามข้อคือ ให้เราเป็น “ธรรมทายาท” อย่าเป็นอามิสทายาท, อย่าทำตัวเป็นศัตรูหรือปฏิปักษ์ แต่ให้ทำตัวเป็น “มิตรหรือมีความสอดคล้องกับพระพุทธเจ้า”, อย่าเป็นคนสุดท้าย แต่ให้เป็นคนที่จะสืบต่อธรรมะต่อไปด้วย “สติ”

ท่านทำให้เป็นเหมือนกระจกเงา ให้เราพิจารณาตัวเราตลอดเวลา แม้ถูกกิเลสมารตัดออกไป เราก็ยังสืบต่อความดีด้วย “สติ”ตั้งมั่นใหม่ ไม่เป็นคนสุดท้าย จะมีเมตตา กรุณา อุเบกขา ต่อไปเรื่อยๆ

เมื่อเราเป็น “มัคคานุคาคือผู้เดินตามมรรค” เราก็จะเป็นผู้รับมรดกทางธรรมเป็นธรรมทายาท ได้ลิ้มรส “อมตะธรรมคือพระนิพพาน” ของพระพุทธเจ้าได้

ให้เราประคองรักษาจิต รักษาสติ อยู่อย่างนี้ได้ตลอดทั้งวัน แล้วให้เห็นด้วยปัญญาโดยชอบตามที่ความเป็นจริงในสิ่งต่าง ๆ ว่า “นั่นไม่ใช่ตัวเรา นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา”