“เราต้องละเหตุแห่งทุกข์ จึงจะดับทุกข์ได้ ไม่ใช่รู้สาเหตุแห่งทุกข์ สิ่งที่ต้องรู้คือรู้เรื่องทุกข์ เข้าใจว่าเหตุของมันคืออะไร รู้แล้วละเหตุของมันให้ได้ จึงจะดับทุกข์ได้”

Q: ขอทราบประวัติท่านพระราหุล

A: ที่กล่าวถึงก็จะมีใน 3 พระสูตร และ 2 เรื่องในธรรมบท รายละเอียดสามารถหาฟังเพิ่มเติมใน link ด้านล่าง หรือค้นด้วยคำว่าราหุลใน donhaisok.fm 

Q: การแสดงฤทธิ์เช่นการย่นระยะทางในเกจิอาจารย์มีอยู่จริงหรือ คนเราสามารถทำตามได้หรือไม่

A: วิชชาแบบนี้มี สามารถทำได้ด้วยกระบวนการคือสมาธิแล้วน้อมไปเพื่ออิทธิวิธีได้ ต้องอาศัยการทุ่มเทการปฏิบัติมาก และต้องมีศรัทธาว่ามีอยู่จริง

Q: ต้องอาบัติปาราชิกแล้วปกปิดไว้จะขาดจากความเป็นพระตอนไหน และการปาราชิกมีผลถึงทายาทหรือไม่

A: ขาดจากความเป็นพระตั้งแต่ตอนที่ทำแล้ว เป็นผลเฉพาะบุคคลไม่ส่งผลต่อทายาท ยกเว้นบุคคลที่ปาราชิกได้ไปเป็นอุปัชฌาย์บวชให้ ถือว่าการบวชนั้นไม่สมบรูณ์ เมื่อรู้แล้วก็ต้องสึกไป

Q: พระสมัยก่อนไม่ค่อยมีข่าวร้ายขณะเดินธุดงด์ ถือว่าเป็นอานิสงส์บุญบารมีใช่หรือไม่

A: มีอยู่เพียงแต่อาจไม่ได้รับความสนใจ ส่วนอานิสงส์ทำให้แคล้วคลาดก็เกิดจากการที่มีเมตตา เราอาจจะหลงทางได้ แต่ในใจเราจะไม่หลงด้วยสติ

Q: เปรตมีอยู่จริงหรือแค่เรื่องเล่าให้กลัว

A: ในพระไตรปิฏกระบุว่ามีอยู่จริงเป็นหนึ่งในอบายทั้งสี่ เป็นหนึ่งในหลายธีการสอนของพระพุทธเจ้าที่ชี้ให้เห็นถึงโทษ

Q: ความทุกข์เป็นผลจากอดีตที่ทำไว้ การที่จะแก้ทุกข์ได้ เราต้องรู้สาเหตุแห่งทุกข์ก่อน จึงจะดับทุกข์ได้ เข้าใจแบบนี้ถูกต้องหรือไม่ และปัญยาเกิดได้สองทางคือโยนิโสมนสิการกับกัลยาณมิตรใช่หรือไม่

A: ถ้าจะให้ถูกต้องตามบทพยัญชะควรเป็น เราต้องละเหตุแห่งทุกข์ จึงจะดับทุกข์ได้ ไม่ใช่รู้สาเหตุแห่งทุกข์ สิ่งที่ต้องรู้คือรู้เรื่องทุกข์ เข้าใจว่าเหตุของมันคืออะไร รู้แล้วละเหตุของมันให้ได้ จึงจะดับทุกข์ได้ ส่วนที่เข้าใจว่าความผิดที่เคยทำไว้เป็นความทุกข์ อันนี้ไม่ถูก เพราะถ้าเป็นจริงตามนี้การกระทำที่สุดแห่งทุกข์จะมีไม่ได้ ที่ควรเข้าใจคือกรรมที่เราทำไว้ชั่วก็ตามดีก็ตาม เราย่อมได้รับผลของการกระทำนั้น จะดับเหตุแห่งทกข์ก็ต้องดับที่ตัณหา และในข้อสุดท้ายที่ว่าปัญญาคือโยนิโสมนสิการกับกัลยาณมิตรนั้น สองอันนี้คือสิ่งเดียวกัน คือ มรรค 8 ทำให้เกิดปัญญาในการรู้อริยสัจ 4

Q: ถ้าป็นคนเก่งกตัญญูแต่มีอารมณ์ร้อนยังคงชอบสิ่งสวยงามในเพศตรงข้าม เช่นนี้จะสามารถมาปฏิบัติที่วัดได้หรือไม่

A: คนที่มาวัดแล้วจะไม่ได้อะไรกลับไปคือคนที่เคยทำอนันตริยกรรม ถ้ายังไม่เคยทำก็มาได้ ส่วนจะได้อะไรกลับไปขึ้นอยู่กับศรัทธาและความเพียร ให้เริ่มจากความดีที่เรามีก็จะพัฒนาไปได้ ส่วนการชอบสิ่งสวยงามให้มีสติสัมปชัญญะในการเห็นนั้นและหมั่นพิจารณาอสุภะ

Q: เมื่อลูกป่วยแล้วเกิดข้อขัดแย้งกันในการรักษา ทำให้เกิดความไม่เข้าใจกัน ควรทำอย่างไร

A: ถ้าเราไม่ชอบแบบไหนก็อย่าทำแบบนั้นกับเขา เมื่อเห็นไม่ตรงกันก็จะเกิดความหวงกั้นตามมา อย่าให้มีตัณหา อย่ามีมิจฉาวาจา ถ้ามีทุกข์แล้วให้เกิดปัญญาจึงจะพ้นทุกข์ได้ ให้มีมรรค 8 ในทุกการกระทำ