Q: วิธีพิจารณาเวทนาขณะเจ็บป่วย
A: คนเราตายได้ง่าย เป็นข้อที่เราต้องตระหนัก ความกลัวตายมี 2 แบบ คือ ความกลัวที่เป็นอกุศล ก็คือความกลัวที่จะตาย และความกลัวที่เป็นกุศล คือกลัวตกนรก ความกลัวตกนรกนี้เป็นกุศล เพราะจะทำให้เราตระหนักว่าเรายังมีบาปอกุศลกรรมใดหรือไม่ ที่จะทำให้ไปตกนรก ถ้ามีต้องรีบละ หากเคยทำผิดศีล ก็ให้สมาทานศีลขึ้นมาใหม่ เราต้องเข้าใจว่าสิ่งใดที่ทำไปแล้ว ก็ล่วงไปแล้ว เรากลับไปแก้ไขสิ่งที่เคยทำผิดไม่ได้ “อย่ากระนั้นเลย เราจะละสิ่งนั้นเสียเราจะตั้งใจทำใหม่” หากละได้แล้ว ก็ให้อยู่ด้วยปิติและปราโมทย์
Q: วิธีพิจารณาความกลัวการพลัดพราก
A: 1) พิจารณาจากของ เช่น ข้าวของเงินทอง ว่าสิ่งเหล่านี้เมื่อเราตายไปแล้วเอาไปด้วยไม่ได้ แต่หากเราตายแล้วไปเกิดเป็นเทวดา เมื่อเทียบทรัพย์ของเทวดากับเงินทอง เงินทองค่ามันน้อยมาก ๆ
2) พิจารณาจากคน คนที่เรารักมากที่สุดต่อให้เราตายไป โลกก็ต้องเป็นไปตามกรรม ใครทำกรรมดีก็ได้รับผลดี ใครทำกรรมชั่วก็ได้รับผลชั่ว
Q: วิธีตัดความกังวลใจ
A: วิธีที่ 1 เข้าสมาธิให้ลึก เราจะเข้าสมาธิที่ลึกได้ เราต้องตั้งสติ อย่ากังวลใจ อย่าเพลินไปตามอาการ เมื่อเราตัดได้จิตเราจะเป็นสมาธิ จิตจะแยกจากกายได้ ร่างกายก็จะได้พัก
วิธีที่ 2 ฟังบทโพชฌงค์และสติปัฎฐาน 4 การฟังธรรมะ จะทำให้เราจิตสงบเป็นสมาธิพอเรามีปิติ มีสุข มันก็จะส่งผลให้กายมีปิติ มีสุข ไปด้วย จะทำให้ร่างกายหายได้โดยควรแก่ฐานะหรือถ้าไม่หายแล้วตาย ก็ทำให้ไปดี ไปสวรรค์และถ้าเห็นความเกิดขึ้น เห็นความดับไป จะไปนิพพานได้ ไม่ก่อน ไม่หลังจากการตาย
Q: วิธีให้จิตอยู่เหนือกาย
A: การแยกจิตกับกาย ทุกขเวทนาอยู่ที่กาย รับรู้สุขทุกข์อยู่ที่จิต เราจะแยกจิตให้อยู่เหนือจากกาย เหนือจากเวทนาที่เกิดขึ้นในกาย เราต้องเห็นว่ากายนี้เป็นของไม่เที่ยง เวทนาเป็นของไม่เที่ยง เวทนาทั้งสุขและทุกข์นั้นไม่เที่ยง เห็นบ่อย ๆ จะเกิดความหน่ายคลายกำหนัด ปล่อยวางได้ในเวทนาทั้งสุขและทุกข์ เข้าใจว่าทั้งสุขและทุกข์นั้นไม่เที่ยง ไม่ยึดถือในทั้งในสุขและทุกข์ พอเข้าใจอย่างนี้ จิตของเราก็จะเหนือจากสุขและทุกข์ทางกาย เหนือโรคภัยไข้เจ็บ เหนือจากผัสสะที่เข้ามากระทบได้
Q: รักษาใจอย่างไรดีเมื่อเพิ่งรู้ว่าทำบุญกับอลัชชี?
A: ให้ตั้งจิตไว้ว่า “ถวายแด่สงฆ์ คือหมู่แห่งผู้ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า หมายเอาผู้ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ โดยมีภิกษุรูปนี้เป็นตัวแทน” ให้ตั้งจิตไว้แบบนี้ แม้ผู้ที่รับจะเป็นภิกษุทุศีล แต่ด้วยความที่เราตั้งเจตนาไว้ดี บุญก็จะส่งผลมหาศาล ซึ่งทานที่ให้ไปนั้น มันจะส่งผลทั้งก่อน ระหว่าง และหลัง ให้เราตั้งศรัทธาให้ถูก โทษของศรัทธาคือที่ศรัทธาในตัวบุคคลนั้นมีอยู่ ท่านจึงให้เราตั้งศรัทธาไว้ที่ “พุทโธ” คือการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ตัวพระพุทธเจ้า, “ธัมโม” คือพระธรรมไม่ใช่ตัวหนังสือแต่หมายถึงองค์ความรู้, “สังโฆ” หมายถึง หมู่ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เช่นนี้จึงจะเป็นการตั้งศรัทธาไว้อย่างถูกต้อง
Tstamp
[10:15] วิธีพิจารณาเวทนาขณะเจ็บป่วย
[18:32] วิธีพิจารณาความกลัวการพลัดพราก
[26:00] วิธีตัดความกังวลใจ
[32:32] วิธีให้จิตอยู่เหนือกาย
[40:46] รักษาใจอย่างไรดีเมื่อเพิ่งรู้ว่าทำบุญกับอลัชชี?