Q1: พระสงฆ์ สีกา กับ วิกฤติแห่งศรัทธา
A: พระพุทธเจ้าบัญญัติ “พระวินัย” เพื่อให้คนที่ยังไม่มีศรัทธา ให้มีศรัทธา ให้คนที่มีศรัทธาอยู่แล้ว ให้มีศรัทธามากยิ่งขึ้น เพราะมีพระวินัย พระพุทธศาสนาจึงดำรงมาได้จนถึงทุกวันนี้

แง่มุมที่ 1 = เป็นเรื่องที่ดี ที่อุบาสก อุบาสิกา ในปัจจุบัน ยังมีความเข้าใจที่ถูกต้องว่า พฤติกรรมเสพเมถุนของพระสงฆ์กับสีกาในข่าว เป็นสิ่งไม่ดี ซึ่งเป็นกระบวนการป้องกันการประพฤติมิชอบในศาสนา

แง่มุมที่ 2 = ความมหัศจรรย์ของธรรมวินัย จะมีกระบวนการกำจัดคนไม่ดีออกไป คนทุศีล จะอยู่ไม่ได้ พระพุทธเจ้าเปรียบไว้ เหมือนทะเลจะไม่อยู่รวมกับซากศพหรือเศษสิ่งของ ที่จะถูกพัดให้เกยตื้นขึ้นฝั่งเสมอ

แง่มุมที่ 3 = การปล่อยให้คนไม่ดีอยู่ในหมู่สงฆ์ ก็จะดึงคนอื่นไปไม่ดีด้วย (อ้างได้ว่าคนอื่นก็ทำ) ดังนั้น การตัดคนไม่ดีออกจากระบบ จะทำให้คนอื่นไม่ถูกดึงไปในทางเสื่อมด้วย

  • เรื่อง อาบัติ ไม่ได้มีไว้เพื่อเพ่งโทษ แต่เป็นกรอบเพื่อแยกแยะเรื่องดี เรื่องไม่ดี ถ้าไม่ดี ก็ให้แก้ไขปรับปรุง
  • อาบัติหนัก = การกระทำที่ผิดพลาด ซึ่งมีกระบวนการแก้ไขได้ยาก เช่น อาบัติสังฆาทิเสส (ต้องติดคุกพระ 6 วัน และต้องนิมนต์พระ 20 รูป มาเพื่อรับฟัง และแก้ไข), อาบัติปาราชิก (เช่น เสพเมถุน ขโมยของ ฆ่ามนุษย์ อวดอุตริมนุสธรรมที่ไม่มีในตน ต้องขาดจากความเป็นพระ)
  • แม้อาบัติหนัก จะแก้ไขได้ยากหรือแก้ไขไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ตกนรกเสมอไป ถ้าปรับปรุงตนเองเป็นฆราวาส รักษาศีล 8 อย่างดี หรือบวชเป็นเณร รักษาศีล 10 อย่างดี ก็สามารถบรรลุธรรมได้

แง่มุมที่ 4 = คำว่า “สีกา” มาจาก อุบาสิกา, คำว่า “ประสก” มาจาก อุบาสก

แง่มุมที่ 5 = จุดเกิดการแก้ไขปรับปรุงตน คือ ตนเตือนตน, คนอื่นเตือนตน, โดนโพสต์ลงโซเซียล, ถูกองค์กรวินิจฉัย, ตกนรก

แง่มุมที่ 6 = การทำผิดศีล เกิดจาก “กิเลส” ล่อลวง ด้วยชื่อเสียง ทรัพย์สมบัติ เพศตรงข้าม

แง่มุมที่ 7 = โทษของการศรัทธาในตัวบุคคล 5 อย่าง 1. เสียความเลื่อมใส 2. ติเตียน 3. เสียใจ 4. เสื่อมจากสัทธรรม 5. เสื่อมศรัทธา

  • “ศรัทธา” จึงต้องประกอบด้วย “ปัญญา” เสมอ กล่าวคือ ศรัทธาในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า (ไม่ใช่ตัวพระพุทธเจ้า) (พุทโธ) ศรัทธาในคำสอนของพระพุทธเจ้า (ธัมโม) และศรัทธาในการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ของพระสงฆ์หรือใครก็ได้ (สังโฆ)
  • ปัจจุบัน พุทโธ ธัมโม สังโฆ ยังคงมีอยู่ ไม่ได้หายไปไหน หากเห็นด้วยปัญญาเช่นนี้ นั่นคือ อจลศรัทธา เป็นศรัทธาที่ไม่หวั่นไหว ไม่คลอนแคลน

Q2: การลาสิกขา
A: การลาสิขา จะสำเร็จประโยชน์ต่อเมื่อ มีบุคคลที่เป็นพระสงฆ์ (ที่ไม่ปาราชิก) คนเดียว รับฟังว่า จะไม่อยู่เป็นพระแล้ว ขอลาสิกขา เพียงเท่านี้ ทำที่ไหนก็ได้

  • ถ้าอาบัติปาราชิก บวชใหม่เป็นพระไม่ได้ แต่บวชเป็นเณรได้ ถ้าอาบัติอื่น บวชใหม่เป็นพระได้
  • เรื่องเบาใจในศาสนานี้ยังมีอยู่ เช่น การเจริญเมตตา ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วเจริญพรหมวิหาร 4 แม้ชั่วลัดมือเดียว ก็ได้ชื่อว่าทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่เหินห่างจากฌานแล้ว จะมีนิพพานเป็นที่สุดจบได้นั่นเอง

Q3: ข้อปฏิบัติของพระสงฆ์ต่อสีกา
A: พระวินัย บัญญัติไว้แล้ว เช่น อย่ามอง, อย่าคุย, ถ้าต้องคุย ให้คุยเรื่องธรรมะ และห้ามเกิน 6 คำ, ถ้าต้องคุยเกิน 6 คำ ต้องมีผู้ชายอื่นอยู่ด้วย, ห้ามอยู่สองต่อสองในที่ลับหู ลับตา, ถ้าต้องอยู่สองต่อสองในที่ลับหู ลับตา หรือไม่ลับตา แต่ลับหู ก็ต้องยืน ห้ามนั่ง

  • ให้รักษาศีล ตรวจสอบตนเองอยู่เป็นประจำ สำรวมอินทรีย์ ไม่ประมาท ในธรรมวินัยนี้ เป็นคำสอนสำหรับผู้ตั้งเจตนาดี มีปัญญา มีศรัทธา รู้จักแก้ไขปรับปรุงตัว ก็จะไม่เสีย มีแต่เจริญ

Tstamp

[00:40] พระสงฆ์ สีกา กับ วิกฤตแห่งศรัทธา
[08:00] อาบัติหนัก
[17:20] จุดเกิดการปรับปรุงตนเอง
[21:50] โทษของศรัทธาในตัวบุคคล
[33:40] การลาสิกขา
[45:00] ข้อปฏิบัติของพระสงฆ์ต่อสีกา