สูตร#1 จูฬสีหนาทสูตร ทรงแสดงแก่ภิกษุทั้งหลาย ณ พระเชตวัน ทรงปรารภเหตุการณ์ในขณะนั้นว่า พระองค์และภิกษุสงฆ์มีลาภสักการะเกิดขึ้นเป็นอันมาก แต่พวกอัญเดียรถีย์ปริพาชกกลับเสื่อมลาภสักการะ พากันร้องไห้คร่ำครวญไปตามท้องถนน พระองค์จึงตรัสสอนให้ภิกษุบันลือสีหนาทโดยชอบว่า สมณะที่ 1 ถึงที่ 4 ( โสดาบันถึงอรหันต์ ) มีในพระศาสนานี้เท่านั้น

จากนั้นทรงอธิบายว่า ถ้านักบวชลัทธิอื่นถามถึงเหตุผลที่กล่าวอย่างนี้ พึงอ้างธรรม 4 ประการคือ ความเลื่อมใสในศาสดา ในพระธรรม บำเพ็ญศีลได้บริบูรณ์ และ ผู้ร่วมประพฤติธรรมทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิตเป็นที่รักที่พอใจของเรา

จากนั้นทรงแสดงเรื่องทิฏฐิ 2 ประการที่สมณะหรือพราหมณ์ยึดติด และ ทรงแสดงอุปาทาน ( ความยึดมั่นถือมั่น ) 4 อย่าง ที่สมณพราหมณ์ทั้งหลายมักอ้างว่า รอบรู้อุปาทานทุกอย่าง แต่ก็ไม่บัญญัติการกำหนดรู้อุปาทานทั้งปวงจริง บัญญัติไว้เพียงประการใดประการหนึ่งเท่านั้น ในตอนท้าย ทรงอธิบายหลักปฏิจจสมุปบาทเริ่มต้นด้วยอุปาทานว่า อุปาทาน 4 ประการดังกล่าวเกิดจากตัณหา ฯลฯ สังขารเกิดจากอวิชชา เมื่อละอวิชชาได้ วิชชาเกิดขึ้น อุปาทานทั้ง 4 ประการ ก็ไม่เกิดขึ้น เมื่อไม่ยึดมั่นก็ปรินิพพานเฉพาะตน

สูตร#2 เวรัญชกสูตร ทรงแสดงแก่พวกพราหมณ์และคหบดีชาวเมืองเวรัญชาที่มาทำธุรกิจบางอย่างในกรุงสาวัตถี ขณะประทับ ณ เชตวัน ที่มาเข้าเฝ้าและได้ทูลถามปัญหาเรื่องเหตุที่ทำให้สัตว์ไปเกิดในทุคติและสุคติ ตรัสตอบว่า พวกที่เข้าถึงอบาย ฯลฯ เพราะประพฤติอธรรม คือ อกุศลกรรมบท 10 และประพฤติไม่สม่ำเสมอ ส่วนพวกที่เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะประพฤติธรรม คือ กุศลกรรมบท 10 และประพฤติสม่ำเสมอ แล้วทรงแสดงในรายละเอียด เมื่อทรงแสดงจบ ชาวเมืองเวรัญชาขอถึงพระรัตนตรัยไปจนตลอดชีวิต (ทรงแสดงหมวดธรรมนี้ไว้ในสาเลยกสูตร)

อ่าน “จูฬสีหนาทสูตรพระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๒ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๔ มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์

อ่าน “เวรัญชกสูตรพระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๒ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๔ มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์


Tstamp

[04:12] จุฬสีหนาทสูตร พระสูตรว่าด้วยการบันลือสีหนาท สูตรเล็ก
[29:30] เวรัญชกสูตร