ธรรมเครื่องอยู่อย่างผาสุกในที่นี้จะกล่าวไว้ ๒ กรณี กรณีที่ ๑ คือผู้ที่อยู่คนเดียวจะอยู่อย่างไรให้ผาสุกอยู่ได้ พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้เป็น ๒ นัยยะได้แก่ นัยยะที่ตรัสไว้กับภิกษุทั้งหลายว่า ธรรมเครื่องอยู่อย่างผาสุกคือ ฌาน ๑/ ฌาน ๒/ ฌาน๓/ ฌาน๔ / การทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติปัญญาวิมุติ ส่วนนัยยะที่ ๒ ได้ปรารภในคหบดีเจาะจงสำหรับผู้ครองเรือนไว้ คือโสตาปัตติยังคะ๔ เป็นธรรมะที่จะทำให้ผู้ปฏิบัติตามแล้วหยั่งลงสู่อมตะธรรมได้ ได้แก่ มีศรัทธาอันหยั่งลงมั่นด้วยปัญญาในพระพุทธเจ้า / มีศรัทธาอันหยั่งลงมั่นด้วยปัญญาในพระธรรม / มีศรัทธาอันหยั่งลงมั่นด้วยปัญญาในพระสงฆ์ / มีศีลสมบูรณ์ โดยทั้ง ๒ นัยยะนี้ พระพุทธเจ้าหมายถึงตัวเราเองเท่านั้น

กรณีที่ ๒ คือธรรมเครื่องอยู่อย่างผาสุกของผู้อยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะ คือ ธรรมเครื่องอยู่เป็นสุข ๕ ประการ ได้แก่ เข้าไปตั้งกายกรรมอันประกอบด้วยเมตตาในเพื่อนผู้ประพฤติพรหมจรรย์ทั้งต่อหน้าและลับหลัง / เข้าไปตั้งวจีกรรมอันประกอบด้วยเมตตาในเพื่อนผู้ประพฤติพรหมจรรย์ทั้งต่อหน้าและลับหลัง/ เข้าไปตั้งมโนกรรมอันประกอบด้วยเมตตาในเพื่อนผู้ประพฤติพรหมจรรย์ทั้งต่อหน้าและลับหลัง/เป็นผู้มีศีลที่สมบูรณ์ไม่ทะลุด่างพร้อยเป็นศีลที่เสมอกันทั้งต่อหน้าและลับหลัง/เป็นผู้มีมีทิฐิอันเป็นอริยะหมายถึงความเห็นที่ประเสริฐให้เสมอกันทั้งต่อหน้าและลับหลัง

Timestamp

[00:00] ปฏิบัติภาวนา เจริญสติปัฏฐาน/เจริญอานาปานสติ
[07:56] ธรรมเครื่องอยู่ผาสุก
[11:01] ธรรมเครื่องอยู่เป็นสุข 5 ประการ
[12:00] ทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ
[14:50] โสตาปัตติยังคะ 4
[16:04] ความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
[30:48] พระสูตรจูฬโคสิงคสูตร ว่าด้วยเหตุณการณ์ในโคสิงสาลวัน
[48.08] ธรรมเครื่องอยู่ ตามอังคุตตรนิกาย คือมีเมตตา ทางกาย วาจา ใจ ศีล และทิฏฐิ
[48.32] สาราณียธรรม 6 ประการ