ช่วงไต่ตามทาง: สุขภาพใจไม่ดี เพราะโรคซึมเศร้า

– ท่านผู้ฟังท่านนี้เป็นโรคซึมเศร้า มีกัลยาณมิตรที่ดีแนะนำให้ฝึกสติอยู่กับตัวเอง รู้ทันอารมณ์ ก็ตั้งสติ สังเกตอารมณ์ที่เกิดขึ้น เช่น เศร้า ไม่พอใจ โกรธ เหงา ขี้เกียจ เป็นต้น มีจดบันทึกไว้บ้าง ทำอยู่ประมาณ 6–12 เดือน ก็เห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน อารมณ์เหล่านั้นอ่อนแรงลง ความซึมเศร้าลดลงเรื่อย ๆ มีการพัฒนาอุปนิสัยใหม่ มีกิจกรรมใหม่ในทางที่ดีขึ้น ฟื้นฟูจากโรคซึมเศร้า สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุข

– “เมื่อเราตริตรึกไปทางไหน จิตเราจะน้อมไปทางนั้น จิตเราน้อมไปทางไหน สิ่งนั้นจะมีพลัง หากเราไม่ตริตรึกไปทางไหน จิตเราก็จะไม่น้อมไปทางนั้น จิตเราไม่น้อมไปทางไหน สิ่งนั้นก็จะอ่อนกำลัง” ดังนั้น การที่เรามีสติ สังเกตเห็นอารมณ์ตัวเองได้ จะทำให้จิตที่จะคล้อยไปตามอารมณ์นั้นเบาบางลง จิตที่จะเพลินไปตามอารมณ์ซึมเศร้า ฟุ้งซ่าน โกรธ ไม่พอใจ ยินดี ลุ่มหลง นั้น จะอ่อนแรงลง เพราะ สติตั้งอยู่ตรงไหน ความเพลินจะอ่อนกำลังโดยอัตโนมัติทันที

ช่วงปรับตัวแปรแก้สมการ: สุขภาพดีมีชัยไปกว่าครึ่ง จริงหรือไม่

– “สุขภาพดี” ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า คือ การเป็นผู้มีอาพาธน้อย มีโรคน้อย มีไฟธาตุสำหรับย่อยอาหารที่ย่อยได้อย่างสม่ำเสมอ พอปานกลาง ไม่ร้อนเกิน ไม่เย็นเกิน พอควรแก่การทำความเพียร

– หากมีโรคมาก ก็จะมีเวทนามาก ชีวิตก็จะไม่ยืนยาว เวทนานั้นปรับตามอาพาธ อาพาธปรับตามธาตุไฟ (ความร้อน ความเย็น การเผาไหม้ ในร่างกาย) ถ้าธาตุไฟไม่สมดุล ไม่สม่ำเสมอ ร้อนเกินไปบ้าง เย็นเกินไปบ้าง ก็เป็นอาพาธ

– การกินอาหาร ร่างกายต้องใช้ความร้อนในการย่อย ความร้อนนี้เป็นอันเดียวกับความร้อนที่ทำให้แก่ การกินมากไปทำให้แก่เร็ว เพราะเกิดการเผาไหม้ในร่างกายมาก แต่จะไม่กินอาหารเลยก็ไม่ได้ จึงต้องกินแต่พอดี พระพุทธเจ้าจึงสอนหลักเรื่อง “โภชเน มัตตัญญุตา” คือ กินพอประมาณ ให้มีธาตุไฟสม่ำเสมอ ให้มีเวทนาเบาบาง จะแก่ช้า ครองอายุได้ยืนนาน

ผล 3 ประการของการมีสุขภาพกายที่ดี ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า :

1. สุขภาพกายดี เป็นองค์ประกอบ 1 ใน 5 ขององค์แห่งผู้สมควรประกอบความเพียร (ปธานิยังคะ)

– คนที่จะทำความเพียรให้เกิดผลสำเร็จได้ มีเหตุ 5 ประการ คือ

(1) มีศรัทธา-มั่นใจในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า

(2) มีอาพาธน้อย-มีธาตุสม่ำเสมอ

(3) ไม่โอ้อวด ไม่มีมารยา-เปิดเผยความผิดตัวเอง แก้ไขปรับปรุงตัว รับฟังคำเตือนด้วยความเคารพหนักแน่น

(4) เป็นผู้ปรารภความเพียร-ไม่ทอดทิ้งธุระ ละสิ่งที่เป็นอกุศล เพิ่มสิ่งที่เป็นกุศล

(5) มีปัญญา-เห็นความเกิดขึ้น ดับไป สังเกตสิ่งไหนควรทำ สิ่งไหนไม่ควรทำ

2. การยึดถือร่างกายที่มีสุขภาพดี จะคลายความยึดถือได้ง่ายกว่าการยึดถือทางใจ

– มนุษย์ประกอบด้วยกายและใจ กายคือรูป ใจคือนาม สิ่งที่เป็นนามทั้งหลาย มีธรรมชาติเกิดขึ้น ดับไป ดับไป เกิดขึ้น ตลอดวันตลอดคืน การเห็นความเสื่อมสลายไม่ชัดเจน ความเบื่อหน่ายคลายกำหนัดจึงทำได้ยาก ส่วนกาย จะดำรงอยู่กี่ปี ก็เปลี่ยนแปลงไป เสื่อมถอย แตกสลายไป ซึ่งปรากฏให้เห็นได้ง่ายกว่าใจ การคลายความยึดถือในกายจะทำได้ง่ายกว่า

3. การเห็นกายในกาย-เป็นหนึ่งในสติปัฏฐาน 4

– การเห็นกายในกาย คือ พิจารณาให้เห็นกาย (ที่มีสุขภาพดี) นี้ โดยความเป็นของไม่สวยงาม เป็นของปฏิกูล เป็นอสุภะ หรือ พิจารณาลมเข้า-ออก หรือ พิจารณาอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน มีสติสัมปชัญญะ ความรู้ตัวทั่วพร้อมทุกขณะ

– เราใช้ผลของการมีสุขภาพกายที่ดีเพื่อชนะกิเลส โดยพิจารณากายในกาย ตั้งสติปัฏฐาน 4

โดยสรุป: หากเรามีสุขภาพกายที่ดี แล้วได้ผล 1 ใน 3 ส่วนข้างต้น ก็จะได้ผลอย่างอื่นตามมาด้วย อย่างไรก็ตาม แม้สุขภาพกายไม่ดี เช่น พระพุทธเจ้า สุขภาพไม่ดีเนื่องมาจากการทำทุกรกิริยา ก็ยังมีสุขภาพใจที่ดี สามารถบรรลุธรรมได้ หรือ คนป่วยแต่มีสุขภาพใจที่ดี ราคะ โทสะ โมหะ เบาบาง มีกำลังใจสูงก็มี

– ดังนั้น คำว่า “สุขภาพดี” ควรเน้นมาทางด้านจิตใจ ทางกายมีส่วนอยู่ 30% ส่วนที่เหลือส่วนใหญ่เป็นเรื่องของใจ ถ้าเรารักษาจิตใจได้อย่างดี มีชัยเกินครึ่งแน่นอน ส่วนกายจะเป็นอย่างไรก็ดูแลประคบประหงมไป ความเข้าใจนี้เป็นปัญญา เป็นความรู้ให้เกิดสิ่งที่เป็นความสุขกายสุขใจ ขอให้เกิดสุขภาพดีทางกาย สุขภาพดีทางใจต่อไป


Tstamp

[03:12] ไต่ตามทาง: สุขภาพใจไม่ดี เพราะโรคซึมเศร้า
[15:45] พุทธภาษิต เรื่อง “โภชนะที่เกิดจากการขับกล่อมไม่ควร”
[18:00] ปรับตัวแปรแก้สมการ: สุขภาพดีมีชัยไปกว่าครึ่ง จริงหรือไม่
[30:10] องค์แห่งผู้สมควรประกอบความเพียร
[35:40] ผล 3 ประการ ของการมีสุขภาพกายที่ดี